TU ESG NEXT
หลักสูตรเปลี่ยนวิธีคิดเรื่องความยั่งยืนของประเทศไทย
ณ เวลานี้ ESG (Environment (สิ่งแวดล้อม) Social (สังคม) Governance (ธรรมาภิบาล) กรอบแนวคิดที่ใช้ประเมินความยั่งยืนและความรับผิดชอบขององค์กรทั้งด้านสิ่งแวดล้อม การดูแลผู้คน และการกำกับดูแลที่โปร่งใส) ไม่ใช่เพียงคำศัพท์ใหม่ในแวดวงธุรกิจอีกต่อไป และมีความสำคัญมากขึ้นเรื่อยๆ กลายเป็นโครงสร้างความคิดที่นิยามอนาคตขององค์กรทั่วโลก มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ในฐานะมหาวิทยาลัยชั้นนำของประเทศไทยจึงส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า ถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยต้องมี “ผู้นำด้านความยั่งยืน” แบบใหม่ ที่ไม่เพียงรู้ทฤษฎี แต่ทำเป็นจริง และทำร่วมกับผู้อื่นได้
![]()
หลักสูตร TU ESG NEXT for Sustainability Leadership (TEN1) คือสัญญาณที่ว่านั้น โดยเป็นหลักสูตรล่าสุดจาก “สถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์” หรือที่หลายคนคุ้นชื่อว่า “สถาบันเสริมทรัพย์ฯ” หน่วยงานที่ถือกำเนิดขึ้นเพื่อ “พัฒนาคนและบริการสังคมด้วยความรู้” ทั้งในรูปแบบบริการสาธารณะและการเรียนรู้เชิงลึกสำหรับผู้ปฏิบัติงานจริง
ดร.เอกสิทธิ์ หนุนภักดี ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายบริการวิชาการ สถาบันเสริมศึกษาและทรัพยากรมนุษย์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งเป็นผู้ที่ดูแลหลักสูตรนี้โดยตรงได้ให้โอกาสทีมงาน Khaoyai Connect ได้พูดคุยถึงความสำคัญของหลักสูตรนี้
![]()
อะไรคือสาเหตุหรือเบื้องหลังที่ทำให้มหาวิทยาลัยฯ ตัดสินใจเปิดหลักสูตร TU ESG NEXT ในช่วงเวลานี้?
หลายปีที่ผ่านมา โลกธุรกิจและภาครัฐต่างเร่งขยับเข้าสู่วิธีคิดแบบ ESG มีความพยายามยกมาตรฐานองค์กรให้ไม่หยุดอยู่แค่เรื่องกำไร แต่คำนึงถึงผลกระทบที่กว้างกว่านั้น คือต่อทั้งสังคม สิ่งแวดล้อม และธรรมาภิบาลที่โปร่งใส
ในฐานะหน่วยงานบริการความรู้ ธรรมศาสตร์มองว่าถึงเวลาที่เราต้องมีส่วนร่วมในการสร้างความตระหนัก สร้างความรู้ และสร้างคนที่สามารถขับเคลื่อนเรื่องนี้ได้จริง
ดังนั้น TU ESG NEXT จึงออกแบบขึ้นในฐานะ “ศูนย์รวมผู้นำที่อยากเห็นประเทศไทยเดินหน้าอย่างยั่งยืน” มากกว่าจะเป็นเพียงหลักสูตรที่เพิ่มความรู้เชิงทฤษฎี
![]()
มากกว่าความรู้ คือการสร้างชุมชนผู้นำด้าน ESG
หัวใจของหลักสูตรนี้อาจไม่ใช่แค่เนื้อหาที่เข้มข้น หากแต่คือการสร้าง “ชุมชนผู้นำด้าน ESG” ที่จะเดินไปด้วยกันยาวๆ
ผู้จัดหลักสูตรเชื่อว่าการผลักดันเรื่องยั่งยืนต้องอาศัยทั้งความรู้และเพื่อนร่วมทาง คนที่มีความคิด ความตั้งใจ และอยู่ในตำแหน่งที่สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงได้จริง จึงไม่น่าแปลกที่ผู้สมัครส่วนใหญ่เป็นผู้บริหารทั้งจากภาครัฐและเอกชนที่ต้องการนำแนวคิดนี้กลับไปพัฒนานโยบายหรือแผนงานที่องค์กรมีอยู่แล้ว
ผู้นำแบบไหนกันที่ TU ESG NEXT มองหา
หลักสูตรคาดหวังให้ผู้เรียนมีความรู้เรื่อง ESG อย่างเป็นระบบ มีทักษะการขับเคลื่อนและผลักดันภายในองค์กร สร้างเครือข่ายผู้นำด้านความยั่งยืนจากหลายภาคส่วน มีทัศนคติเปิดกว้างและทำงานร่วมกับผู้อื่นได้ดี อายุ 35–65 ที่เรากำหนดไม่สำคัญเท่ากับ “ความตั้งใจเรียนรู้” และ “ความเปิดใจ” ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่คณะผู้จัดมองหามากที่สุด
![]()
ทำไมจึงจำกัดผู้เรียนไว้ที่ 100 คน
ในโลกของหลักสูตรพัฒนาองค์กร การจำกัดจำนวนผู้เรียนอาจดูย้อนแย้ง แต่สำหรับ TEN1 นี่คือการออกแบบอย่างมีเป้าหมาย จำนวนขนาดนี้ถือว่าเป็นกลุ่มใหญ่ที่พอให้เกิดพลังทางความคิด แต่ก็ไม่มากจนคุณภาพการแลกเปลี่ยนลดลง และยังสามารถพาทุกคนร่วมศึกษาดูงานทั้งในประเทศและต่างประเทศได้อย่างมีประสิทธิภาพ
โมดูลทั้ง 7 ของหลักสูตร
โครงสร้างหลักสูตรแบ่งเป็น 7 โมดูล ครอบคลุม ESG อย่างครบถ้วน ประกอบด้วย
1. Introduction to ESG & Corporate Sustainability Management พื้นฐานแนวคิดและทิศทางการจัดการองค์กรยั่งยืน
2. Sustainability Leadership ผู้นำกับบทบาทใหม่ในโลกที่ต้องรับผิดชอบมากกว่ากำไร
3. Corporate Governance Management การกำกับดูแลกิจการตามมาตรฐานที่ดี
4. ESG Integration Management การบูรณาการ ESG เข้ากับกระบวนการทำงานจริงขององค์กร
5. ESG Data, Disclosure & Communication การรายงานข้อมูลความยั่งยืนและการสื่อสารต่อสาธารณะ
6. Human Rights for Business มาตรฐานสิทธิมนุษยชนในภาคธุรกิจ
7. Current Issues in ESG Development เทรนด์ล่าสุดและความท้าทายที่ผู้นำต้องตามให้ทัน
![]()
การเรียนรู้ไม่จำกัดอยู่แค่ในห้องเรียน
นอกจากห้องเรียนที่เน้นการบรรยายแบบเข้มข้นแล้ว TEN1 ยังให้ความสำคัญกับการเรียนรู้จากสถานที่จริง เรามีไปศึกษาดูงานในประเทศ ไปเอสซีจี สระบุรี แซนด์บ็อกซ์ เมืองคาร์บอนต่ำระดับต้นแบบ ไปสถาบันผู้นำเครือเจริญโภคภัณฑ์ ปากช่อง ไปมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ไปศึกษาดูงานที่ไต้หวัน หนึ่งในผู้นำด้านนโยบายและนวัตกรรม ESG ของเอเชีย
องค์ประกอบการเรียนรู้เชิงสัมผัสแบบนี้ การเดินเข้าโรงงาน ลงพื้นที่จริง พูดคุยกับคนที่ลงมือทำมานาน ถูกมองว่าเป็นส่วนที่ทรงพลังที่สุด เพราะช่วยให้ผู้เรียนเห็นผลลัพธ์ของ ESG ไม่ใช่เพียงทฤษฎี แต่เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้จริง
หลังจบหลักสูตร คาดหวังให้ผู้เรียนจะนำความรู้และทักษะที่ได้เรียนรู้ไปสร้างอะไร เช่น นโยบายองค์กรใหม่ โครงการความยั่งยืน การขับเคลื่อน ESG ในภาคต่างๆ
ผู้เรียนส่วนใหญ่มีนโยบายหรือแผน ESG อยู่ในองค์กรอยู่แล้ว ดังนั้นหลักสูตรหวังว่าความรู้ที่ได้จะถูกนำกลับไปใช้ทันที ทั้งการออกแบบมาตรการใหม่ การขับเคลื่อนโครงการ หรือการเป็นแกนนำภายในองค์กร
ในเชิงระบบ ความสำเร็จของ “ความยั่งยืน” อาจต้องใช้เวลา แต่สามารถวัดได้จากทิศทาง นโยบาย และมาตรการที่สะท้อนความตั้งใจขององค์กร รวมถึงการเห็นความกระตือรือร้นที่เพิ่มขึ้นของภาคส่วนต่างๆ
![]()
เครือข่ายผู้เข้าเรียนสามารถสร้างสร้างความเปลี่ยนแปลงระดับประเทศได้
ทีมผู้จัดหวังว่าชุมชนผู้นำที่เกิดจาก TEN1 จะค่อยๆ กลายเป็นฐานของการเปลี่ยนแปลงระดับประเทศผ่านกิจกรรมกลุ่ม การทำงานร่วมกัน และความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นของผู้เรียนในหลักสูตร ซึ่งถูกออกแบบให้มีปฏิสัมพันธ์ต่อเนื่อง แม้หลังจบการเรียนแล้ว
หลักสูตรยังเตรียมระบบ “ที่ปรึกษา ESG” ให้ผู้เรียนหลังเรียนจบ เพื่อให้การขับเคลื่อนเกิดขึ้นจริงในระยะยาว
TU ESG NEXT มีความเหนือกว่าหลักสูตรอื่นๆ อย่างไร
ในขณะที่หลายสถาบันเริ่มเปิดหลักสูตรด้าน ESG มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์มองว่าการมีผู้เล่นหลายรายเป็นเรื่องดี เพราะสังคมไทยต้องการการขับเคลื่อนในวงกว้าง แต่ TEN1 แตกต่างด้วย “จิตวิญญาณของธรรมศาสตร์” พันธสัญญาอายุเกือบศตวรรษในการเป็น “บ่อบำบัดความกระหายความรู้ของสังคม”
ความเป็นธรรมศาสตร์จึงสะท้อนผ่านความตั้งใจที่จะให้ความรู้ที่เข้มข้น ใช้ได้จริง และผลักดันให้ผู้เรียนกลายเป็นผู้นำที่สร้างอิมแพ็กทั้งต่อองค์กรและสังคม
TU ESG NEXT ในครั้งต่อไปเป็นอย่างไร
ทิศทางอนาคตเปิดกว้างเสมอ อาจมีการเพิ่มโมดูลใหม่ ขยายกลุ่มผู้เรียน หรือจัดรุ่นต่อๆ ไป แต่สิ่งสำคัญที่สุดยังคงเดิม คือ สร้างคนที่รู้ เข้าใจ และนำไปใช้ได้จริง
© 2025 Khaoyai Connect. สงวนลิขสิทธิ์
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือเผยแพร่เนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาต
![]()
