ส่องนกในสวนสวย “Maison Mystique”
กิจกรรมอินเทรนด์ของคนรักธรรมชาติ
ความหลากหลายในธรรมชาติ นอกจากสร้างความสมดุลต่อระบบนิเวศแล้ว ยังถือเป็นต้นทุนที่สำคัญในเรื่องการท่องเที่ยว โดยเฉพาะ “นก” สิ่งมีชีวิตเล็กๆ หนึ่งในผู้สร้างสมดุลต่อระบบนิเวศ ด้วยการช่วยผสมเกสร และควบคุมแมลงศัตรูพืช
ด้วยสีสันและรูปร่างหน้าตาน่ารักของนกชนิดต่างๆ ที่คอยดึงดูดให้ผู้คนอยากชื่นชม ทำให้ในวันนี้กิจกรรมการดูนก ซึ่งเป็นการท่องเที่ยวเชิงนิเวศเริ่มขยายตัวในหลายประเทศทั่วโลก
ในเมืองไทยเองก็มีพื้นที่ดูนกหลายแห่งที่ได้รับความนิยมมากขึ้น ป่าเขาใหญ่ก็เช่นกัน นอกจากความเขียวและความสงบเงียบ จำนวนนกกว่าร้อยชนิดยังเป็นจุดขายสำคัญที่ทำให้กลุ่มดูนกเดินทางมาเขาใหญ่ไม่ขาดสาย หมายมั่นมาส่องนก ทั้งนกประจำถิ่น และนกอพยพ
![]()
คนที่ไม่เคยส่องนกอาจจะนึกไม่ออกว่ามีความสนุกยังไง แต่สำหรับผู้ที่เข้าสู่วงการดูนกแล้วเพียงมองตากันก็เข้าใจ ไม่ว่าจะเป็นการเดินเสาะหานก การได้เห็น ได้ฟังเสียง ได้เฝ้าดูอากัปกิริยา เหล่านี้ถือเป็นความเพลิดเพลินอย่างยิ่ง ที่สำคัญการได้จดจ่อดูนกยังทำให้เราตัดขาดความวุ่นวายทั้งปวงที่เกิดขึ้นก่อนหน้า และหากได้เจอนกหายากแล้วล่ะก็…หัวใจจะยิ่งเต้นแรง เลือดสูบฉีด กลายเป็นสีสันใหม่ให้กับชีวิตอย่างไม่น่าเชื่อ
แต่การดูนกให้สนุกนั้น เราต้องปูพื้นฐานเบื้องต้นเสียก่อน เช่น หาข้อมูลเกี่ยวกับนก และแหล่งดูนก ข้อปฏิบัติในการดูนก การสังเกตรูปร่าง รวมถึงการเตรียมอุปกรณ์และเครื่องแต่งกายให้พร้อม
![]()
ส่องนกที่ Maison Mystique ปราสาทลึกลับในอ้อมกอดขุนเขา
เมซงมีสทีก ที่พักเรียบหรูสไตล์ยุโรปที่ซุกซ่อนตัวอยู่ในอ้อมกอดของเขาใหญ่ เป็นอีกหนึ่งสถานที่ซึ่งอุดมไปด้วยพันธุ์ไม้นานา เป็นแหล่งอาศัยชั้นเยี่ยมของบรรดานก แมลง และ ผีเสื้อ
ด้วยต้นทุนทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ การดูนกจึงกลายเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่โรงแรมเตรียมไว้สำหรับผู้แขกที่มาพักให้ได้ใกล้ชิดธรรมชาติ สอดคล้องกับคอนเซ็ปต์การดื่มด่ำกับงานศิลปะ และหย่อนใจไปกับธรรมชาติในอาณาจักรแห่งนี้
เพื่อให้พนักงานมีความรู้เรื่องนกในเบื้องต้น คุณบัน-วิภวิน ธาดาสีห์ และคุณเฟิร์น–เกศชนก ธาดาสีห์ แห่งเมซงมิสทีกจึงได้เชื้อเชิญ “อ.สุธี ศุภรัฐวิกร” นักดูนกและนักอักษรศาสตร์ อดีตนายกสมาคมอนุรักษ์นกและธรรมชาติแห่งประเทศไทย มาเป็นวิทยากรอบรมให้กับบรรดาพนักงาน โดยอย่างน้อยจะต้องรู้จักนกที่อยู่ในพื้นที่ รวมถึงความสัมพันธ์กับสิ่งมีชีวิตอื่น เพื่อบอกเล่าเรื่องราวธรรมชาติในพื้นที่ตัวเองได้
![]()
“เราต้องเข้าใจธรรมชาติ ธรรมชาติไม่ใช่แค่สิ่งแวดล้อมข้างทาง ไม่ใช่แค่ทิวทัศน์ พระอาทิตย์ขึ้และตก ธรรมชาติเกิดจากหลายภาคประกอบกัน ทั้งชีวภาค ธรณีภาค บรรยากาศภาค อุทกภาค และสิ่งแวดล้อม” อ.สุธี ตั้งต้นการบรรยายเรื่องนกด้วยการพูดถึงภาพรวมของธรรมชาติ เพื่อให้เกิดการเชื่อมโยง
เพราะเมื่อเราเชื่อมโยงได้ ก็จะเกิดความใส่ใจ สนใจ กระทั่งเกิดเป็นความรัก มีหัวใจเป็นนักอนุรักษ์
“คุณจะมองธรรมชาติแบบนักวิทยาศาสตร์ก็ได้ หรือจะมองแบบศิลปินก็ได้ แต่สำหรับผมมองสองแบบเข้าด้วยกัน ทั้งในแง่วิทยาศาสตร์ว่าเกิดขึ้นมาอย่างไร และแง่ความงดงามอย่างศิลปะที่ไม่ซ้ำกันในแต่ละวัน”
![]()
เปิด 8 ความสัมพันธ์ เรื่องราวของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติ
แม้จะเป็นกิจกรรมการดูนก แต่สิ่งที่ควรทำความเข้าใจไปพร้อมกัน คือ ความสัมพันธ์ของสิ่งมีชีวิตในธรรมชาติเพื่อเราจะมองเรื่องราวได้ครบมิติ โดยความสัมพันธ์นี้มีด้วยกัน 8 รูปแบบ
1. การแข่งขัน เช่น นกต่างชนิดที่กินปลาเหมือนกัน หากแหล่งน้ำมีน้อย นกที่สู้ไม่ได้ก็ต้องไปหาแหล่งน้ำอื่นที่ไม่มีคู่แข่ง ขณะที่สัตว์บางชนิดแข่งกันเรื่องแหล่งที่อยู่อาศัย เช่น นกเงือก ผึ้งโพรง พญากระรอก ทั้งหมดนี้ต่างต้องการโพรงเพื่ออยู่อาศัย ขึ้นอยู่กับใครจะแย่งได้ และปกป้องไว้ได้ เพราะในธรรมชาติทุกชีวิตต้องดิ้นรนเพื่อการอยู่รอด
2. ความสัมพันธ์แบบขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งไม่ได้ เช่น วงศ์นกกาฝาก คือ นกสีชมพูสวน จะหล่อเลี้ยงชีวิตด้วยผลกาฝาก เมื่อกินเข้าไปเวลาขับถ่ายออกมาจะกระดกก้นเพื่อถ่ายไว้บนกิ่งไม้ เมื่อต้นกาฝากที่เป็นพืชปรสิตโตก็จะดูดกินน้ำเลี้ยงต้นไม้ต้นนั้นจนตาย ขณะที่นกก็จะได้อาศัยกินผลกาฝากเป็นการพึ่งพากันตลอดชีวิต แต่ธรรมชาติมักจะสร้างสมดุลเสมอ จึงมีผีเสื้อหนอนกาฝากมาวางไข่ไว้ที่ใบกาฝาก ดังนั้นตัวหนอนจะคอยกินใบกาฝากทำให้ต้นกาฝากไม่ได้มีมากเกินไปจนธรรมชาติเสียสมดุล
![]()
3. ความสัมพันธ์แบบช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เช่น นกยางควาย กับ ควาย ที่นกจะคอยกำจัดแมลงที่มาตอมควาย แล้วพอควายเดินเหยียบย่างไปตั๊กแตนจะกระโดดขึ้นมา นกก็จะได้กินตั๊กแตน
4. ความสัมพันธ์แบบอิงอาศัย เช่น กล้วยไม้กับเฟิร์นที่ขึ้นอยู่บนต้นไม้ แต่ไม่ได้เป็นกาฝาก แค่เกาะบนต้นไม้เฉยๆ แต่กล้วยไม้กับเฟิร์นที่เป็นฝ่ายได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว ขณะที่ต้นไม้ใหญ่ไม่ได้ประโยชน์ แต่ก็ไม่เสียประโยชน์
5. ความสัมพันธ์แบบการใช้ประโยชน์ฝ่ายเดียว เช่น เหาฉลามกับเต่า เหาฉลามได้ประโยชน์ฝ่ายเดียว โดยที่เต่าไม่ได้ประโยชน์ แต่ก็ไม่เสียประโยชน์เช่นกัน
6. ภาวะไร้เมนซาลิซึม เป็นความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งไปเบียดเบียนอีกฝ่ายหนึ่ง เช่น ต้นไทรกับกระถินณรงค์ สำหรับต้นไทรแล้วไม่ใช่ปรสิต แต่ก็ร้ายกาจไม่เบา เมื่อนกไปทิ้งเมล็ดไว้ ไทยจะอาศัยความชื้นเพื่อเติบโตขึ้นเรื่อยๆ แล้วบีบต้นอื่นให้โทรมจนตาย จากนั้นต้นไทรก็จะโตแทน
7. ปรสิตสังคม เช่น นกอีวาบตั๊กแตน ซึ่งเป็นญาติกับนกกาเหว่า มันจะไปวางไข่ที่รังนกกระจิบธรรมดา เพื่อให้นกกระจิบกกไข่และเลี้ยงลูกนั่นเอง
8. ความสัมพันธ์แบบผู้ล่า และ ผู้ถูกล่า เช่น นกกระเต็นลายล่างู ความสัมพันธ์ลักษณะนี้มีเยอะ โดยส่วนมากเป็นการล่าเพื่อเป็นอาหาร
“การดูนกควรเข้าใจธรรมชาติทั้งมิติ ความสัมพันธ์เป็นแบบไหน เพื่อเข้าใจระบบนิเวศ เขาเรียกว่าการสื่อความหมายกับธรรมชาติ หมายความว่าเมื่อเดินทางสู่ธรรมชาติ เห็นอะไรปั๊บเราต้องบอกได้ เช่น ต้นไม้อะไร ดอกไม้อะไร เกี่ยวข้องกับอะไร อยู่ในป่าแบบไหน แล้วป่าเขาใหญ่เป็นอย่างไร นั่นเพราะทุกอย่างมันเกี่ยวข้องกันหมด” อ.สุธี กล่าว
![]()
การจำแนกลักษณะรูปร่าง และโครงสร้างของร่างกายนก
“สิ่งสำคัญในการดูนก กายวิภาคต้องชัดเพื่อจะได้สื่อถูก เพราะนกตัวเล็กนิดเดียว ถ้าพูดเหมารวมจะไม่สามารถแยกแยะชนิดทำให้เข้าใจผิดได้”
กายวิภาคที่ว่านั้น ไล่มาตั้งแต่ หน้าผาก กระหม่อม ท้ายทอย ต้นคอ หลัง ขนคลุมบนโคนหาง หาง ใต้คอ ปีก อก ท้อง ขา นิ้วเท้า เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดนี้นักดูนกที่ดีควรจดจำตำแหน่งให้แม่นยำ
“ถ้าอยากจะแยกชนิดนก ก็ต้องจำรูปทรง ตัวอ้วน ผอม ขายาว ขาสั้น ปากยาวกว่าหัว เท่าหัว หรือ สั้นกว่าหัว ความยาวของปาก อย่างนกหัวโตปากจะสั้นกว่าหัว แต่ถ้านกสติ๊นท์ปากจะยาวพอๆ กับหัว ถ้านกชายเลนปากคลอง ปากจะยาวกว่าหัว เพราะว่ากินสัตว์หน้าดิน ตรงนี้ต้องจำได้ด้วย”
ไม่เพียงเท่านั้น การดูนกยังเหมือนกับได้สวมวิญญาณเป็นนักวิทยาศาสตร์ ต้องมองให้ละเอียดทั้ง พฤติกรรม เสียงร้อง กระทั่งการเดินว่ามีลักษณะแบบไหน แบบก้าวทีละข้าง หรือ กระโดด 2 ขาพร้อมกัน เพราะทั้งหมดนั้นสามารถบอกชนิดของนกได้เช่นกัน
![]()
ต่อยอดทุนทางธรรมชาติ เพิ่มมูลค่าให้โรงแรม
ในมุมมองของ อ.สุธี มองว่า พื้นที่เขาใหญ่มีพื้นที่เอื้อต่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศอยู่มาก เพียงแต่จะใช้ทรัพยากรเพื่อการท่องเที่ยวได้คุ้มหรือไม่ เพราะสิ่งสำคัญคือต้องมีความรู้ที่ไม่ใช่เพียงผิวเผิน เพราะการมุ่งสู่การท่องเที่ยวยั่งยืนต้องมีความเข้าใจที่ลึกซึ้ง
![]()
“หากบอกแค่ชื่อนกคนก็จะรู้สึกเฉยๆ แต่ถ้าบอกเรื่องราวมีความเชื่อมโยงได้ก็จะน่าสนใจมากขึ้น ซึ่งเราอาจไม่ต้องรู้ทั้งหมด แต่ควรต้องรู้สิ่งต่างๆ ที่อยู่รอบพื้นที่ของเรา แล้วนักท่องเที่ยวส่วนมากจะสนใจในสิ่งที่ประเทศเขาไม่มี ดังนั้นเราต้องเข้าใจเพื่อที่จะพัฒนาพื้นที่ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อย่างผีเสื้อบ้านเราก็ไม่เหมือนบ้านเขา นี่เป็นเสน่ห์ ที่เพิ่มมูลค่าให้กับโรงแรม รวมถึงความใส่ใจของพนักงานของโรงแรมด้วย”
![]()
“แอ่นตาล” ซิกเนอเจอร์แห่ง Maison Mystique
จากการออกสำรวจนกของทีม อ.สุธี ราวๆ เดือนสิงหาคม และกันยายนที่ผ่านมา ผลปรากฎว่าพบนกราวๆ 20 กว่าชนิดในพื้นที่ของปราสาทสไตล์ยุโรปแห่งนี้ อาทิ นกปรอดเหลืองหัวจุก นกกินปลีอกเหลือง นกบั้งรอกใหญ่ นกจับแมลงสีฟ้า นกยอดหญ้าสีดำ นกสีชมพูสวน นกขมิ้นน้อยธรรมดา นกกระจอกตาล นกปรอดหัวสีเขม่า นกกระติ๊ดขี้หมู นกโพระดกธรรมดา นกกระปูดใหญ่ นกกางเขนบ้าน นกตีทอง นกพิราบป่า นกกระแตแต้แวด เป็นต้น
ที่ขาดไม่ได้ “นกแอ่นตาล” นกรับแขก ที่อาศัยทำรังอยู่ที่ต้นตาลบินฉวัดเฉวียนอยู่ด้านหน้าปราสาทที่หากใครมาเที่ยวต้องได้เจอทุกคน
คุณจุ๋ม-ภากร กรเลิศวานิช ผู้นำดูนก จาก Bird Life Club ได้อธิบายถึงความน่าสนใจของนกแอ่นตาลที่เมซงมิสทีกว่า ตั้งแต่ดูนกมา 30 กว่าปี เพิ่งมีโอกาสได้เห็นรังแอ่นตาลเป็นครั้งแรก
![]()
“ปกตินกแอ่นตาลจะต้องทำรังใต้ใบ ซึ่งใบจะหุบเข้าหาลำต้นทำให้มองไม่เห็น แต่ต้นตาลของที่นี่เข้าใจว่าที่ผ่านมาโดนลมโดนฝนพัดจนใบพลิกด้านในออกมาให้เราเห็น แล้วที่นี่มีระเบียงชั้นสอง รังนกแอ่นตาลอยู่ระดับสายตาพอดี ดังนั้นใครมาที่นี่ก็เป็นโอกาสดีที่จะได้เห็น”
นกแอ่นตาล คือ นกที่วิวัฒนาการมาคู่กับต้นตาล อาศัยทำรังที่ต้นตาล ถือเป็นความสัมพันธ์แบบอิงอาศัยได้ประโยชน์จากต้นตาลที่ถือว่าได้เปรียบในแง่ชัยภูมิ สัตว์นักล่าไม่สามารถมาล่านกแอ่นตาลได้ง่ายนัก
![]()
วิธีสร้างรังของนกแอ่นตาล คือ จะบินไปคาบปุยฝ้าย หรือ ปุยเมล็ดพืชที่ลอยอยู่กลางอากาศมาผสมกับน้ำลายตัวเอง โดยคุณสมบัติของน้ำลายที่มีความเหนียวจะเปรียบเหมือนกาวที่ใช้ประสานยึดติดกับใบตาล จากนั้นใช้ใยแมงมุมมาช่วยรัดประสานให้รังมีความแน่นหนา รังที่สร้างเสร็จแล้วจะมีรูปทรงรียาว เมื่อถึงเวลาออกไข่ก็จะใช้น้ำลายตัวเองยึดไข่ติดกับรัง
![]()
“นิ้วของนกแอ่นตาลทั้ง 4 นิ้วจะหันไปข้างหน้าหมดเลย พฤติกรรมเมื่อเขาเวลาจะร่อนลงจะทิ้งดิ่งแล้วหันหัวบินขึ้น 90 องศา แล้วเอานิ้วไปเกาะเข้าที่ใบตาล ซึ่งช่วงเวลาเย็นๆ เราจะมีโอกาสเห็นเขาเกาะที่รังด้วย” คุณจุ๋มอธิบายเพิ่มเติม
ในทัศนะของนักดูนก คุณจุ๋มมองว่า เขาใหญ่มีศักยภาพในการไปสู่การท่องเที่ยวเชิงนิเวศสูงมาก และกิจกรรมที่เมซงมิสทีกนี้เหมือนเป็นบันไดขั้นแรกสำหรับสถานประกอบกิจการ
“ถ้าเราจับกลุ่มลูกค้าต่างชาติ มองว่าสิ่งที่เขาสนใจคือสิ่งที่บ้านเขาไม่มี ฝรั่งเวลาเขาเห็นนกกระเต็น นกเงือก นกแก๊ก เขาก็ว้าวแล้ว เพราะบ้านเขาไม่ใช่ป่าดิบชื้นดิบแล้งเหมือนบ้านเรา พืชพรรณสัตว์ก็ต่างออกไป ดังนั้นถ้าคนพื้นที่สามารถถ่ายทอดความรู้เป็นภาษาอังกฤษได้ อย่างน้อยบอกชื่อนกได้ มันก็จะดึงดูดความสนใจให้เขา เป็นการเพิ่มมูลค่า ทั้งเรื่องคุณภาพของคนในพื้นที่ รวมถึงความรักในสิ่งแวดล้อมเป็นสิ่งที่ต่างชาติจะประทับใจมาก”
![]()
แจก Bird Guide ตามรอยนกน้อยในสวนสไตล์ยุโรป
ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่แข็งแรงอย่างศิลปะและธรรมชาติ ทำให้การดูนกจึงเป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่เมซงมิสทีกภูมิใจนำเสนอต่อแขกผู้มาเยือน
ย้อนไปตั้งแต่วันแรกที่คิดเริ่มโปรเจ็คต์สร้างเมซงมิสทีก กิจกรรมที่ผู้เป็นเจ้าบ้านคิดไว้คร่าวๆ คือ ชมป่าชมสวน ดูนก ดูพันธุ์พืชต่างๆ รวมถึงการสร้างคิชเช่นการ์เด้นหรือสวนครัวกินได้ เพียงแต่ในเวลานั้นไม่มีใครรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้มีพืชพันธุ์ไม้ นก แมลงอะไรบ้าง
![]()
“จริงๆ แล้วเขาใหญ่เป็นที่ที่มีสัตว์เยอะ ความหลากหลายเยอะ ดังนั้นที่นี่เราก็อยากจะเผยแพร่เรื่องธรรมชาติ เช่น นก ผีเสื้อ พันธุ์พืช โดยความตั้งใจแรกอยากทำบุ๊คเลทเล็กๆ ที่เอาไว้ให้ลูกค้าได้นำติดตัวออกไปเดินที่สวน เป็นเหมือนการ์เด้น เอสเคป โดยจะแจกไว้ในทุกห้อง ใครสนใจก็ไปตามรอยตามในบุ๊คเลทได้ พ่อแม่ที่พาลูกไปเดินสวนก็จะมีคู่มือติดไปด้วย มันอาจจะไปจุดประกายสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆในเรื่องธรรมชาติก็ได้” คุณเฟิร์น เล่าถึงไอเดียที่อยากนำเสนอ
![]()
ดังนั้นการเชิญ อ.สุธีมาในครั้งนี้ถือเป็นจุดเริ่มต้น เป็นการให้ความรู้เบื้องต้นแก่พนักงาน อย่างน้อยก็ได้รู้ว่าตรงที่อยู่นี้มีอะไรน่าสนใจบ้าง
คุณบัน บอกว่า เราไม่ต้องรู้ชนิดนกทั้งประเทศก็ได้ แต่ในโรงแรมเรามีนกอะไร พันธุ์พืชอะไร สภาพแวดล้อมเรามีอะไร เราต้องเล่าได้ ดังนั้นเราจะมีมุมนก มีอุปกรณ์ เช่น กล้องสองตาไว้ให้ยืม โดยจะให้พนักงานเป็นคนสอนวิธีใช้ แล้วให้แขกไปเดินดูเอง
“กิจกรรมเราจะเป็นอย่างนี้ อยู่กับธรรมชาติให้มากที่สุด การดูนกสำหรับบางคนถือก็เป็นการเยียวยาจิตใจ รวมถึงดูดาวด้วย ที่นี่มีจุดเด่นที่ท้องฟ้าเปิด บางครั้ง นั่งรับประทานอาหารอยู่ก็ยังเห็นดาวตกชัดหลายครั้ง ซึ่งตอนนี้กำลังขอขึ้นทะเบียนเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดด้วยเช่นกัน”คุณบันกล่าว
สรรพสิ่งในธรรมชาติล้วนสัมพันธ์ต่อกัน หากได้เรียนรู้และเข้าใจก็ไม่ใช่เรื่องยากนักที่จะเชื่อมโยงเกิดเป็นภาพใหญ่ และเมื่อนั้นหัวใจอนุรักษ์จะเกิดขึ้นมา พร้อมกับการตระหนักรู้ช่วยกันรักษาธรรมชาติให้โลกยังน่าอยู่สำหรับทุกชีวิต
© 2025 Khaoyai Connect. สงวนลิขสิทธิ์
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือเผยแพร่เนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาต
![]()
