สมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่นำทีม “ชุมชนบ้านท่ามะปรางค์-คลองเพล X ททท.”
ชูท่องเที่ยวสีเขียวภายใต้คอนเซ็ปต์ Healing is the New Luxury
![]()
วันที่ 18 ตุลาคม นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ ร่วมกับชุมชนบ้านท่ามะปรางค์-คลองเพล ทำกิจกรรมร่วมกับทีมเจ้าหน้าที่ททท.ด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา ที่ TAT ECO PARK ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ภายใต้คอนเซ็ปต์ Healing is the New Luxury ชูการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ พร้อมผลักดัน 3 แหล่งท่องเที่ยวโคราช มรดกโลกของยูเนสโกออกสู่สายตาโลก หวังเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ วางบทบาทเขาใหญ่ คือ ประตูดึงนักท่องเที่ยวทั่วโลกสู่อีสาน
![]()
นางจิระวดี คุณทรัพย์ รองผู้ว่าการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย - ททท. ด้านตลาดยุโรป อเมริกา ตะวันออกกลาง และแอฟริกา กล่าวว่า พื้นที่ที่มาทำกิจกรรมในครั้งนี้ เป็นพื้นที่ของ ททท. ที่เราได้ร่วมกับชุมชนเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวเพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้ ในวันนี้เจ้าหน้าที่ ททท. ได้มารับรู้ศักยภาพของจังหวัดนครราชสีมาจากนายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ เพื่อนำไปปรับใช้กับนโยบายของ ททท. โดยที่ผ่านมาตลาดต่างประเทศของเขาใหญ่ส่วนมากเป็นนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม อย่างกลุ่ม Back Packer หรือ กลุ่มซอฟท์แอดเวนเจอร์ เพราะเขาใหญ่มีความอุดมสมบูรณ์ มีทริปเดินป่า เส้นทางเทรล การส่องสัตว์ และตอนนี้ก็มีการท่องเที่ยวชุมชนซึ่งชาวบ้านเริ่มเข้ามามีส่วนในการที่จะนำวัฒนธรรมท้องถิ่นมาผนวกกับเรื่องท่องเที่ยว ทั้งหมดนี้สามารถดึงดูดตลาดต่างประเทศได้
“นักท่องเที่ยวชาติที่เดินทางมาเขาใหญ่ส่วนมากจะเป็นยุโรป แต่มีชาติหนึ่งที่ชอบความเขียวโดยเฉพาะหน้าฝนคือตะวันออกกลาง ถือว่าเป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่มาช่วยเติมเต็มให้เขาใหญ่ ถ้ามองจริงๆ เมืองไทยหน้าฝนสวยมาก โดยเฉพาะเขาใหญ่ อากาศสดชื่นไม่แพ้หน้าหนาว มีดอกไม้ป่า พืชพรรณป่าที่อุดมสมบูรณ์ มีความหลากหลายทางชีวภาพสามารถเป็นแหล่งท่องเที่ยวเพื่อการเรียนรู้ของชาวต่างชาติได้ แล้วการท่องเที่ยวในยุคนี้มีหลายรูปแบบ อาจไม่ได้ไปแค่หาดทรายและชายทะเลอย่างเดียว แต่การได้มาพักผ่อนสูดอากาศบริสุทธิ์ คล้ายๆ สโลว์ไลฟ์ ก็เป็นเทรนด์การเดินทางท่องเที่ยวของนักท่องเที่ยวเช่นกัน”
![]()
ขณะที่ตลาด Long-Haul หรือ ระยะไกล อย่างยุโรป อเมริกา จุดขายคือความเป็นมรดกโลกของยูเนสโก ได้แก่ 1.ผืนป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ 2.พื้นที่สงวนชีวมณฑลสะแกราช และ 3. โคราชจีโอพาร์ค (อุทยานธรณีโลก) ซึ่งทั้ง 3 แห่งนี้ถือว่าเป็นจุดแข็งของจังหวัดนครราชสีมา
นางจิระวดี กล่าวอีกว่า การได้มรดกโลกเป็นสิ่งที่ไม่ได้มาง่าย เราต้องนำเรื่องราวมาแตกเป็นคอนเทนท์ในลักษณะของสตอรี่เทลลิ่งเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม มองว่าสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ จุดขายยังเป็นเรื่องของธรรมชาติ ความสมบูรณ์ของป่า และเรื่องวัฒนธรรม โบราณสถานต่างๆ ขณะที่เรื่องไลฟ์สไตล์และร้านอาหารจะตอบโจทย์นักท่องเที่ยวไทย
![]()
“เขาใหญ่มีศักยภาพสูงมาก เพียงแต่ว่าเราต้องรักษาโพซิชั่นนิ่งของตัวเขาใหญ่ไว้ให้ชัดเจน ให้การเติบโตเป็นแบบคุณภาพ ซึ่งจะตรงกับคอนเซ็ปต์การตลาดใหม่ของ ททท. คือ Healing is the new Luxury ซึ่งการฮีลลิ่งอาจไม่ได้หมายถึงเรื่อง Wellness เพียงอย่างเดียว อาจเป็นการได้มาสูดอากาศบริสุทธิ์ที่ดีกับปอด ทำให้เรารู้สึกสดชื่น เพราะตอนนี้คนเมืองต้องการมองหาธรรมชาติ แล้วเขาใหญ่ถือว่าเป็นป่าที่สมบูรณ์และเป็นอุทยานแห่งชาติที่สามารถเรียนรู้ได้หลากหลาย” นางจิระวดี กล่าว
![]()
ด้านนางสาวพันชนะ วัฒนเสถียร นายกสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่ กล่าวว่า เขาใหญ่เป็นมรดกโลกของยูเนสโกที่มีความหลากหลายทั้งเรื่องชีวภาพ สัตว์ป่า ฟอสซิลศึกษา เรามีพิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน โคราชจีโอพาร์ค ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งที่เราต้องนำมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ควบคู่ไปกับการพัฒนาผลิตภัณฑ์เพื่อให้เกิดความยั่งยืนด้านการท่องเที่ยว โดยมองว่าจะทำยังไงให้นักท่องเที่ยวต่างชาติมีจำนวนมากขึ้น เพิ่มวันพักค้าง เพิ่มรายได้ให้ชุมชน โดยเฉพาะกลุ่มที่สนใจการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ โดยมองว่าภาคอีสานเหมือนเป็น Hidden Gems เป็นเพชรที่ยังไม่ได้ถูกเปิดเผยมากนัก ยกเว้นนักท่องเที่ยวเฉพาะกลุ่ม เช่น นักท่องเที่ยวต่างชาติที่ขึ้นอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ปีละ 1 แสนคน คิดเป็น 5% จากนักท่องเที่ยวที่เข้ามา 2 ล้านคน เมืองเราไม่ได้มีชายหาด ดังนั้นเราก็ต้องสร้างมูลค่าสูงจากกลุ่มเฉพาะของเราให้เกิดประโยชน์ ซึ่งเรามองว่าเทรนด์กรีนเป็นสิ่งที่ชัดเจนที่สุด โดยเฉพาะเรื่องการส่งเสริมเรื่อง Well Being เราใช้ประโยชน์กับการมีธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมที่ดีเป็นแกนกลางการขับเคลื่อนการท่องเที่ยว
![]()
“เขาใหญ่เป็นที่ที่คนมาฟื้นฟูร่างกายและจิตใจ โดยมีคอนเซ็ปต์ คือ Quiet is Luxury คำนี้ไม่ได้หมายถึงรวยจน แต่มองถึงโอกาสในการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวที่เท่าเทียม เป็นพื้นที่ที่สะท้อนว่าลดความเหลื่อมล้ำในการเข้าถึงพื้นที่สีเขียวได้จริง บางคนอยากไปเดินป่าญี่ปุ่นต้องเสียค่าใช้จ่ายสูง แต่ว่ามาเขาใหญ่ สำหรับคนไทย 40 บาทก็เข้าได้ มันช่วยเพิ่มคุณภาพชีวิตที่เป็นต้นทุนต่ำที่สุด ขณะเดียวกันเขาใหญ่มีที่พักทุกระดับ ตั้งแต่กางเต็นท์ 150 บาทไปถึงพูลวิลล่าคืนละแสนก็มี และตอนนี้เราใช้เรื่องดาราศาสตร์มาเป็นจุดขาย เจาะกลุ่มที่สนใจเฉพาะ เป็นการเพิ่มวันพักค้างด้วยเช่นกัน”
นางสาวพันชนะ กล่าวอีกว่า สำหรับชุมชนบ้านท่ามะปรางค์-คลองเพล ถือเป็นชุมชนที่เข้มแข็งจากฐานรากทางความคิด เพราะทุกคนต้องการที่จะมีส่วนร่วมที่จะปกป้องทรัพยากรเพื่อที่ตัวเองจะอยู่ตรงนี้ได้ชั่วลูกชั่วหลาน รวมถึงรากฐานของเมืองที่เป็นเกษตรกรรม มีการส่งเสริมปลูกผักผลไม้ปลอดสาร จึงสะท้อนว่าคนในเมืองช่วยกันสร้างผลิตภัณฑ์จากสิ่งที่ตัวเองรัก เพื่อต้องการปกป้องพื้นที่ตรงนี้ เพื่อความยั่งยืน ทุกอย่างมันอยู่ในกระบวนการโดยที่ไม่ต้องปั้นแต่ง ทุกคนสร้างผลิตภัณฑ์เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของตัวเองและสังคม ด้วยการมองเป้าหมายเดียวกันว่าเราได้ประโยชน์จากเขาใหญ่ ดังนั้นเราจึงต้องดูแลและตอบแทนเขาใหญ่เพื่อให้ยังคงความสมบูรณ์และยั่งยืนต่อไป
![]()
นายธันวา เชี่ยวพานิช ตัวแทนชุมชนบ้านท่ามะปรางค์-คลองเพล กล่าวว่า ในนามตัวแทนชุมชนบ้านท่ามะปรางค์-คลองเพล พื้นที่ที่มีลำตะคองไหลผ่าน เป็นต้นน้ำลำตะคอง ชุมชนเราเริ่มทำการท่องเที่ยวโดยการสนับสนนุจาก ททท. แต่มาโดนโรคระบาดโควิด-19 สกัดก่อน ทำให้ต้องหยุดไปมาเริ่มใหม่ในปีนี้ โดยมี “โครงการดีท็อกซ์ปอดกอดเขาใหญ่” ใช้เวลาเดินประมาณ 2 ชั่วโมง เริ่มต้นที่ 4 คน คนละ 750 บาท จะเป็นการปั่นจักรยานเข้าไปในชุมชน ฟังเรื่องเล่า ไหว้หลวงพ่อใหญ่ศักดิ์สิทธิ์ เข้าไปสวนผลไม้ ชิมผลไม้สดจากสวนตามฤดูกาล เช่น มะม่วง ฝรั่ง ลำไย ลองกอง ทุเรียน นอกจากนี้ยังปั่นไปในฟาร์มผัก เก็บไข่ไก่อารมณ์ดี สามารถซื้อกลับบ้านได้ สุดท้ายมาจบกิจกรรมที่ท่าน้ำด้วยการเอาเท้าแช่น้ำผ่อนคลายและทำกิจกรรมทำมือ เช่นทำโปสการ์ด เล่าความประทับใจ โดยสามารถฝากชุมชนไว้ พอสีแห้งชุมชนจะช่วยนำส่งให้
![]()
นอกจากนี้ชุมชนบ้านท่ามะปรางค์-คลองเพล กำลังจะเปิดเส้นทางเทรลระยะสั้น หรือ อีโค่เทรลโดยชุมชนบ้านท่ามะปรางค์-คลองเพล X ททท. ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง เป็นวันเดย์ทริป กำหนดเปิดประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน โดยรับสมัครกลุ่มละประมาณ 15 คน เส้นทางเทรลจะเดินเข้าไปในป่าเล็กๆ ชมเรื่องระบบนิเวศ มีฐาน 5 ฐาน มีเล่นเกมบิงโกธรรมชาติ นอกจากนี้กิจกรรมยังเป็นลักษณะกึ่งๆ อาบป่า ทำเป็นจุดนั่งรับพลังธรรมชาติ เหมาะกับกลุ่มครอบครัว เพื่อนฝูง ใครสนใจกิจกรรมสามารถติดตามความคืบหน้าที่เพจเฟซบุ๊ค “ท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านท่ามะปรางค์-คลองเพล”
![]()
“ที่จริงมาที่นี่ได้อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ สูดอากาศเราก็จะผ่อนคลายแล้ว ส่วนกิจกรรมจะเน้นกิจกรรมทำมือ เช่น ทำลูกหอม โดยใช้มะกรูดกับใบเตย บางคนอาจจะมองว่าเป็นกิจกรรมทั่วไป แต่ระหว่างทำกิจกรรม สังเกตว่าลูกค้ามาทำเขาต้องใช้สมาธิ เหมือนเราได้จดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่ง ทำได้ลืมอารมณ์ต่างๆ ที่อยู่เบื้องหลังไป ทำเสร็จแล้วสามารถเอาไปห้อยหน้ารถได้ กลิ่นหอมของใบเตยกับลูกมะกรูดจะเป็นกลิ่นอโรม่าทำให้ผ่อนคลายได้”
นายธันวา กล่าวอีกว่า กิจกรรมที่ทำร่วมกับทีม ททท. ในวันนี้เป็นการทำบัวลอย เพราะเราต้องการสื่อถึงธรรมชาติที่หลากหลายจากสีของบัวลอย เช่น ดอกอัญชัญเป็นสีม่วง แครอทเป็นสีส้ม สีเหลืองจากฟักทอง ใบเตยเป็นสีเขียว ให้เห็นว่าชุมชนเรายังเป็นชุมชนที่มีความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณ ด้วยความที่ดินดี อากาศดี น้ำดีของชุมชนบ้านท่ามะปรางค์-คลองเพล ถ้านักท่องเที่ยวมากันเป็นกลุ่ม เราก็จะจัดการแข่งขันเรื่องครีเอทีฟ ปั้นเป็นรูปต่างๆ โดยคนที่มาร่วมกิจกรรมจะเป็นคนในชุมชนที่ต้องการสื่อสารเรื่องราวให้นักท่องเที่ยวได้รู้จัก
![]()
นอกจากนี้ยังมีเมนูของกินเล่น และเป็นซิกเนเจอร์ คือ “กล้วยพี่ด้วน”
พี่ด้วนคือใคร? พี่ด้วนเป็นช้างเขาใหญ่ตัวหนึ่งที่หางด้วน นิสัยใจคอที่ดื้อซุกซน ต่อสู้กันจนพวงหางโดนดึงขาดเลยได้ฉายาว่าพี่ด้วน
“พี่ด้วนมักจะเดินลงมาจากเขาใหญ่ แล้วผ่านชุมชนเราประจำ จริงๆ มีช้างหลายตัวผ่านชุมชน แต่พี่ด้วนเป็นตัวเด่น เดินบ่อย พอผ่านสวนพี่ด้วนก็แวะกินกล้วย บางทีเขาไม่กินกล้วยห่าม แต่เขาดึงทั้งกอออกมาแล้วกินแต่หยวกกล้วย เหลือกล้วยไว้ เราก็เอากล้วยที่เหลือนั้นแหละมาทำเป็นกล้วยพี่ด้วน เป็นสตอรี่ว่าพี่ด้วนเหลือให้ เราเอามาทำกล้วยฉาบ กลายเป็นผลิตภัณฑ์ซิกเนเจอร์ของชุมชน”
© 2025 Khaoyai Connect. สงวนลิขสิทธิ์
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือเผยแพร่เนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาต
![]()
