ปั้น-พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์
เนรมิต “The Horses Endurance Stable” ฟาร์มม้าวิวงามกลางเขาใหญ่
![]()
สิ่งสำคัญที่ทำให้พื้นที่เขาใหญ่น่าสนใจไม่ยิ่งหย่อนไปกว่าธรรมชาติอันสมบูรณ์ นั่นคือผู้คนที่เข้ามาอยู่อาศัย มาสร้างธุรกิจหลากหลาย เพิ่มเติมสีสันความแปลกใหม่ทำให้พื้นที่รกร้างหลายแห่งกลับสดใสมีชีวิตชีวาขึ้นมา
คุณปั้น-พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ประธานบริหาร บริษัท เอม มอเตอร์ สปอร์ต (2003) จำกัด เจ้าของที่ดินทำเลทอง “สวนสนุกแดนเนรมิตเก่า” เนื้อที่กว่า 33 ไร่ คือ หนึ่งในผู้ที่เลือกปักหมุดเขาใหญ่ตั้งแต่ปี 2550 ลงมือสร้างคอกม้า The Horses Endurance Stable Khaoyai บนพื้นที่กว่า 100 ไร่ ที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา เป็นที่ตั้งของสโมสรขี่ม้าเดอะฮอร์สเซส (The Horses) และสร้างพื้นที่บางส่วนไว้สำหรับผู้ที่รักการขี่ม้าใช้เป็นสนามฝึกซ้อม
![]()
คุณปั้นเป็นที่รู้จักกันดีในฐานะนักแข่งรถแถวหน้าของเมืองไทย คร่ำหวอดอยู่ในแวดวงมอเตอร์สปอร์ตมาอย่างยาวนานกว่า 40 ปี เป็นผู้ก่อตั้งทีม AIM Motor Sports ส่งเสริมนักกีฬามอเตอร์สปอร์ตรุ่นใหม่ ที่มีฝีมือและสนใจในการขับรถแข่ง พ่วงด้วยตำแหน่งนายกสมาคมราชยานยนต์สมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ สมาคมกีฬา
ในวัยที่เพิ่มขึ้น แม้จะยังหลงใหลในความเร็วและแรงของเครื่องยนต์อยู่ แต่ได้ลดระดับความเข้มข้นลงบ้างแล้ว เปลี่ยนจากควบคุมพวงมาลัยมาเป็นกุมบังเหียนม้าแทน ฝึกฝนจริงจังจนเป็นผู้บุกเบิกกีฬาขี่ม้ามาราธอน หรือขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์ (Endurance) ให้เป็นที่รู้จักในเมืองไทย ทั้งยังเคยเข้าแข่งขันและคว้ารางวัลมาแล้วหลายรายการ
ทีม Khaoyai Connect มีโอกาสพูดคุยกับคุณปั้น-พฤฒิรัตน์ รัตนกุล เสรีเริงฤทธิ์ ในวัย 68 ปี ที่สโมสร The Horses ท่ามกลางอ้อมกอดภูเขาในบรรยากาศแสงสวยละมุนตาของเวลาเย็นย่ำถึงเรื่องราวความเป็นมาของคอกม้า ที่ล่าสุดกำลังจะจัดงานแข่งม้ากระโดด (The Horses Pony Jumping 2025) เตรียมเปิดให้ผู้ที่สนใจเข้าชมวันที่ 22-24 สิงหาคม 2568 ที่จะถึงนี้
![]()
คุณปั้น เล่าจุดเริ่มต้นของการขี่ม้าว่า เดิมตนเองเป็นนักแข่งรถ แต่มีช่วงหนึ่งที่คิดว่าอาจจะหยุดแข่ง จึงเริ่มมองหาว่ามีกีฬาอะไรที่เราจะเล่นได้อีก อย่างกอล์ฟก็เล่นเป็นประจำอยู่แล้ว นั่งคิดไปมาก็นึกขึ้นได้ว่าคุณพ่อ (หลวงเสรีเริงฤทธิ์) มีคอกม้าตั้งแต่เราเด็กๆ เป็นคอกม้าแข่งมีเป็นร้อยตัว ชื่อว่าคอกอุทัยรัตน์ อยู่ที่สะพานควาย ทำให้ขี่ม้าเป็นตั้งแต่ 10 ขวบ แต่มีช่วงหนึ่งที่คุณพ่อเลิกไป ตอนนั้นอายุ 17 ปี ตั้งแต่นั้นก็ไม่ได้ยุ่งกับม้าอีกเลย จนกระทั่งอายุ 50 ปี เกือบจะเกษียณแล้ว มีเพื่อนๆ ชวนไปดูม้ากระโดดที่กองพันทหารม้าที่ 29 รักษาพระองค์ ตรงสนามเป้า พอไปเห็นฟิลลิ่งก็กลับมา เริ่มรู้สึกว่านี่น่าจะเป็นสิ่งที่เราชอบ
“พอไปเห็นปุ๊บก็รู้สึกคุ้น อาจจะเป็นกีฬาที่เรากำลังหาอยู่หรือเปล่า” เป็นเสียงในหัวของชายหนุ่มวัย 50 ปี ผู้ที่หลงใหลในการเล่นกีฬาดังก้องขึ้น เมื่อความคุ้นเคยในอดีตวนกลับมาหาอีกครั้ง
![]()
เป็นนักแข่งรถมาตลอด ทำไมกลับมาสนใจขี่ม้าในวัยใกล้เกษียณ?
ผมชอบเรื่องรถแข่งตั้งแต่วัยรุ่น สมัยเรียนรามฯ เปิดร้านแต่งรถ เอาของจากเมืองนอกเข้ามา ของญี่ปุ่นบ้าง เยอรมันบ้าง มาตอนหลังใช้รถเบนซ์แข่ง คุณพากเพียร วิริยะพันธุ์ กรรมการผู้จัดการบริษัทธนบุรีประกอบรถยนต์ จำกัด ในขณะนั้นบอกเราว่าในเมื่อแข่งรถเบนซ์ ทำไมไม่ทำดีลเลอร์เบนซ์ด้วย ผมก็ตอบว่าผมไม่มีความรู้เรื่องขายรถ รู้แต่เรื่องเซอร์วิส เพราะตอนนั้นเราถือเป็นเซอร์วิสของเบนซ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยรองจากวิริยะประกันภัย แต่สุดท้ายก็มาขายด้วย กลายเป็นดีลเลอร์เบนซ์ของของธนบุรีประกอบรถยนต์ อยู่ตรงข้ามม.ศรีปทุม แต่ตอนหลังนโยบายเบนซ์เปลี่ยนก็เลยขายธุรกิจดีลเลอร์ต่อให้คนอื่นไป
ช่วงที่ขายธุรกิจไปก็กลับมาทำสนามโกคาร์ทตรงที่ตัวเอง(แดนเนรมิตเก่า) ตอนนั้นแดนเนรมิตหมดสัญญาเช่าพอดี ทำโกคาร์ทได้พักนึงก็ปล่อยพื้นที่ให้เช่า จัดคอนเสิร์ตบ้าง จนกระทั่งน้ำท่วมก็ปล่อยให้คนอื่นทำไป ส่วนตัวเองก็เริ่มมาที่เขาใหญ่ เพราะเป็นช่วงปลายชีวิตการทำงานแล้ว ใกล้จะ 60 ปีแล้ว ก็กลับมานึกถึงฟาร์มม้า
ตอนนั้นยังไม่รู้เลยว่าในเมืองไทยมีกีฬาแข่งม้าแบบไหนบ้าง เลยไปเข้าสมาคมขี่ม้า ก็เริ่มรู้ว่ามีการแข่งขัน อย่างโชว์ Jumping แต่คงไม่ไหว อายุเราจะ 60 ปีแล้ว ตกมาไม่มีอะไหล่เปลี่ยน ส่วน Dressage หรือ ศิลปะบังคับม้าผมว่าน่าเบื่อไปหน่อย ส่วน Eventing จะเป็นการรวม 3 อย่างเข้าด้วยกัน คือ Country Cross (กระโดดข้ามเครื่องตามภูมิประเทศ) Jumping และ Dressage อันนี้ก็อันตรายอีก เพราะการขี่คันทรีครอสมันต้องขี่ไปตามพื้นที่ภูมิภาค ทั้งกระโดดข้ามเครื่องที่เขาสร้างขึ้น เราก็เลยเอาไงดี พอดีสมาคมเพิ่งจะเอา Endurance ประเภทที่ 4 เข้ามาประมาณปี 2549 ก็พอดีกับช่วงที่ผมเริ่มมาเล่นกีฬาม้าช่วงปี 2550 ตอนแรกก็ไปลองหาซื้อม้ามา และต้องเป็นม้าอาราเบียนซึ่งหายาก ซื้อมาแล้วก็เริ่มสร้างคอกม้าที่กรุงเทพฯ ตรงสะพานควายซึ่งเป็นคอกม้าเดิมของคุณพ่อ
![]()
ไปดูงานที่ออสเตรเลีย จุดเริ่มต้นการแข่งขันขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์
กีฬาขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์ ในช่วงแรกเป็นเรื่องใหม่มาก สมาคมขี่ม้าเองก็ยังไม่รู้ว่าจะจัดกันยังไง ผมเลยติดต่อพรรคพวกเพื่อนฝูง เขาแนะนำให้ไปออสเตรเลีย ก็กลายเป็นจุดเริ่มได้เจอฟาร์มม้าที่ใหญ่ในออสเตรเลีย เราเลยได้ไปขี่ที่โน่นด้วย ได้พื้นฐานกีฬาขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์มาจากที่ออสเตรเลียเป็นหลัก จากนั้นเราก็เอาม้าจากฟาร์มที่ออสเตรเลียเข้ามา ล็อตแรก 3-4 ตัว ทำไปทำมามันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ รวมตอนหลังคิดผสมพันธุ์ม้าเองด้วย
![]()
พอม้าเยอะขึ้น ที่สะพานควายก็เล็กเกินไป แล้วนักกีฬาประเภทนี้มันต้องการพื้นที่ให้ม้าออกกำลัง ให้ม้าได้ซ้อมตามเส้นทาง ก็เลยลองขับรถมาเขาใหญ่ ขับมาเรื่อย ไล่ไปเรื่อย จนกระทั่งมาเจอที่นี่ ตอนที่ผมเข้ามามันไม่ใช่อย่างนี้นะ ทางเข้ามันพอดีรถเลย เข้ามาแบบงมเลย ต้นไม้ก็ขูดรถ จำได้ว่ามายืนอยู่ตรงนี้กับลูก ด้านหน้าเป็นไร่มันสำปะหลัง แต่ด้านหลังมองไม่เห็นอะไรเลย หญ้าขึ้นทึบไปหมด พอลงจากรถก็เดินดู จุดธูปไหว้ ใช้เซนส์เอา ซื้อมาตอนแรก 80 ไร่ พอได้มาปุ๊บก็เปิดพื้นที่ทั้งหมด พอเปิดออกมาเท่านั้นแหละ โอ้โห สวยเว้ย เข้าท่า ก็เริ่มปลูกบ้าน ทำคอกม้าใหม่ แล้วก็ย้ายม้าจากกรุงเทพฯ มาอยู่เขาใหญ่ ทำเป็นสถานที่ฝึกซ้อมม้าสำหรับกีฬาที่เราจะเล่น
ตอนนั้นเอามาจากสะพานควายเกือบ 20 ตัว อยู่ที่นี่มาตั้งแต่ปี 2550 (ซื้อที่ปลายปี 49) ตอนที่ม้ามา บ้านก็ยังไม่เสร็จ ตัวเองก็เริ่มพัฒนาไปเรื่อยๆ เริ่มไปแข่งเมืองนอก แล้วก็ผสมพันธุ์ม้าเอง เป็นม้าอาราเบียสายพันธุ์ที่ใช้กันสำหรับวิ่งมาราธอน เพราะม้าอาราเบียนจะมีความทรหดอดทน มีปอดใหญ่ มีการระบายความร้อนดี มีคุณสมบัติที่จะใช้ในกีฬาประเภทนี้ คล้ายกับการวิ่งมาราธอนของคน
![]()
กติกากีฬาขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์คร่าวๆ เป็นอย่างไร
การแข่งขันจะกำหนดโดยเส้นทาง เริ่มต้นตั้งแต่ระยะ 40 กิโลเมตร 80 กิโลเมตร ถ้าคุณจะขึ้นไปแข่ง Open Speed คือ ขี่เร็ว ก็จะเรียกว่า CEI ซึ่งจะเริ่มต้นที่ 1 สตาร์ เมื่อก่อนจะเริ่มต้นที่ 80 กิโลเมตร เดี๋ยวนี้เปลี่ยนใหม่เป็น 100 กิโลเมตร ระดับ 2 สตาร์ ระยะทาง 120 กิโลเมตร และ 3 สตาร์ ระยะทาง 160 กิโลเมตร ซึ่งปัจจุบันในเมืองไทยจัดได้ระดับ 2 สตาร์ คือ 120 กิโลเมตร
การขี่ม้าจะเหมือนวิ่งเทรล คือ ขี่ไปตามเส้นทางที่เราไปหามา กฎคือใน 1 ลูป ห้ามเกิน 40 กิโลเมตร และห้ามต่ำกว่า 20 กิโลเมตร ถ้าเราจัดวิ่ง 100 กิโลเมตร เราก็จะมีลูปผสมผสาน ส่วนใหญ่ก็จะจัดเป็น 3 ลูป ถ้าระยะทาง 120 กิโลเมตร ก็อาจจะ 4-5 ลูป
ทีนี้ปัญหาของกีฬาประเภทนี้ คือ พอใช้ระยะทางไกล พื้นที่ก็จะหายาก ทำเส้นทางลำบาก อย่างเมื่อก่อนเราจัดทุกปีที่เขาใหญ่ เป็นระดับอินเตอร์เนชันแนล มีหลายประเทศอย่าง มาเลเซีย สิงคโปร์ อินโดนีเซีย มาแข่งด้วยกัน เราใช้พื้นที่เขาใหญ่ วิ่งไปจนเกือบถึงวัดมกุฎคีรีวันหลังทอสกาน่า แล้ววนกลับ แต่ตอนหลังที่เขาใหญ่ถูกเปลี่ยนมือไป บางจุดเขาไม่ให้เราเข้าไปวิ่ง ทำให้การหาระยะแต่ละระยะมันก็เริ่มทำลำบากขึ้น
![]()
กลุ่มไหนนิยมเล่นกีฬาประเภทนี้
กลุ่มใหญ่เลย คือ พวกแขก ยูเออี(สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) บาห์เรน ดูไบ และประเทศแถบยุโรป
อะไรคือความท้าทายในการแข่งขันกีฬาขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์
จริงๆ มันก็เหมือนกับการวัดความทรหดอดทน ต้องขี่ไปตามเส้นทางภูมิประเทศ ไปตามถนนลูกรังบ้าง ขึ้นเขาลงเขา บางทีต้องข้ามน้ำบ้าง ซึ่งมันต้องใช้เทคนิคในการบังคับม้า แต่ว่ากีฬาประเภทนี้เขาเน้นหนักเรื่องม้าเป็นหลัก ก่อนจะแข่งต้องเอาม้าไปตรวจว่ามีความพร้อมไหม มีอาการบาดเจ็บไหม ถ้าสมบูรณ์ดีก็อนุญาตให้เริ่มสตาร์ท พอจบลูปที่ 1 ก็ต้องให้หมอตรวจอีกในเวลาที่กำหนด เช่น อัตราการเต้นของหัวใจต้องลงตามที่กำหนด คือ 64 ถ้าสูงกว่านั้นต้องออกเลย หรือถ้ามีอาการบาดเจ็บ อาการขาดน้ำก็ออก คือจะมีกติกาเยอะแยะไปหมดที่จะครอบคลุมความปลอดภัยกับสัตว์ ไม่งั้นมันอาจจะตายได้ เพราะว่าม้าไม่เหมือนคนนะ มันจะวิ่งจนมันตายเลย ยกเว้นคนขี่ไม่มีกำลังพอที่จะดันมันไป
แล้วม้าพวกนี้มันอดทนมาก บางทีตัวมันเองก็ไม่รู้ว่าไม่ไหว ดังนั้นคนขี่กับม้าก็ต้องประกอบกัน ซึ่งจะได้จากการที่เราฝึกซ้อมจับคู่กัน จะทำให้เรารู้นิสัยว่าความเร็วขนาดไหนที่เขารับได้ ถ้ามันเกินไปกว่านั้นก็ต้องดึงลง
![]()
นิสัยใจคอของม้าที่ต้องเข้าใจ
ม้าฉลาดนะ แต่ความจำสั้น ฉะนั้นต้องทำซ้ำเรื่อยๆ ถึงจะจำได้ และคล่อง เมื่อมันความจำได้แล้ว ใครเคยทำอะไรมันจะจำแม่น อย่างหมอฉีดยา ถ้าหมอเดินถือเข็มฉีดยามา มันจะหันหลังให้ทันที แต่ที่บอกว่าความจำสั้น เพราะบางทีเราฝึกเขา เขาจะจำได้ดีในช่วงหนึ่ง แต่ถ้านานกว่านั้นก็จะลืม คือม้ามันเป็นผู้ถูกล่า ดังนั้นอารมณ์จะเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา มันพร้อมที่จะตื่น หรือพร้อมที่จะทำอะไรที่เราไม่คาดคิด ด้วยความที่เป็นสัตว์ถูกล่า สิ่งแรกที่เขาทำคือหนีเอาชีวิตรอด สมองสั่งปุ๊บมันก็ไปแล้ว กว่ามันจะคิดได้ว่าไม่ใช่ เราอาจจะลงไปนอนแอ้งแม้งอยู่ข้างล่างแล้ว
เป็นกีฬาที่ต้องรู้ใจกันพอสมควร
มันไม่ใช่ว่าเราอยากจะขี่เขาเมื่อไหร่ก็ขี่ได้นะ ทุกอย่างต้องมีแผน เหมือนคนที่มีโปรแกรมซ้อม ม้าก็เหมือนกัน แล้วการแข่งขันเราต้องเล่นกันเป็นทีม มันจะมีอีกกลุ่มที่เรียกว่าหน่วยเซอร์วิสคอยช่วย ไปดักรอที่จุดให้น้ำม้า พอเสร็จแล้วทีมเดิมนี้ก็ต้องวิ่งไปดักที่จุดให้น้ำข้างหน้าอีกให้ทัน เสน่ห์ของกีฬาชนิดนี้ก็อยู่ตรงนี้ด้วย มันคือเกมวางแผน
![]()
ตั้งแต่เล่นกีฬานี้มา คิดว่าให้อะไรกับผู้เข้าแข่งขันบ้าง
ผมว่าหลายอย่าง 1.เป็นความผูกพันระหว่างคนกับสัตว์ โดยสมัยก่อนผมแข่งรถ ก็จะอีกอารมณ์ มันจะดุดันหน่อย มีเบียด กระแทก เพื่อจะไปเป็นที่หนึ่ง แต่กับสัตว์ไม่ได้ ต้องถนอม ต้องรู้ว่าควรจะเร็วเมื่อไหร่ ช้าเมื่อไหร่ เขาไม่ไหวเราก็ต้องยอมบ้าง หรือวันนี้เขาไม่พร้อม เราก็ต้องยอมเหมือนกัน อย่างรถมีอะไรขึ้นมา มีเงินก็ไปเปลี่ยนอะไหล่ได้ แต่ถ้าม้าเจ็บ โอกาสกลับมาเหมือนเดิมต้องใช้เวลา หรือบางทีอาจจะกลับมาอีกไม่ได้เลยก็ได้
แล้วผมสังเกตบางคนไม่เข้าใจ เขาคิดว่าม้าเป็นเหมือนควาย จะทำยังไงกับมันก็ได้ จะขี่ยังไงก็ได้ แต่เราต้องเริ่มต้นว่ามันเป็นกีฬา และเป็นกีฬาเดียวในโลกที่มีอุปกรณ์กีฬาเป็นสิ่งมีชีวิต บางคนพูดว่ากีฬานี้มีหัวใจสองดวงนะ ฉะนั้นในส่วนของผม เวลาพูดถึงม้าเขาก็คือนักกีฬา คนขี่ยังต้องไปวิ่งไปเวท ต้องกินอาหารอย่างดี เพื่อขี่ระยะยาวๆ ได้ ม้าก็เหมือนกัน ต้องถูกเตรียมมาเพื่อไปวิ่งแบบนี้ แต่บางคนไม่เตรียม คิดว่าเอาไปวิ่งได้ พอถึงเวลาก็บังคับให้มันวิ่ง คือเขาไม่พยายามเข้าใจ... อีกอย่างหนึ่ง เวลาเราขี่ เราใช้เวลานาน ต่ำสุดก็ 6-7 ชั่วโมง ทีนี้อะไรที่มันใช้เวลานาน มันต้องคุยกันตลอดทาง
![]()
อายุ 68 แล้ว ยังขี่ม้าแข่ง มีเคล็ดลับการดูแลร่างกายยังไง
จริงๆ การออกกำลังกาย ทำตั้งแต่แข่งรถแล้ว เมื่อก่อนตอนที่เราขับรถเบนซ์ เขาส่งเราไปที่เยอรมนี ก็ได้ไปอบรมเข้าคอร์สการขับ เข้าฟิตเนส เรื่องกินอาหาร สมัยก่อนผมสูบบุหรี่จัด และกินเหล้า แต่ตอนไปขับรถเบนซ์เขาไม่ได้ห้ามนะ แต่บอกว่าถ้าอยากขับได้นานๆ ถ้ายังทำตัวแบบนี้ ขับไม่ไหวหรอก ต้องเลิกของพวกนี้ และฟิตเนสก็เป็นสิ่งจำเป็น สมัยก่อนเรื่องฟิตเนสไม่ได้ป็อปปูล่าเหมือนสมัยนี้ เล่นเวทคนก็บอกว่าเหมือนจับกัง(หัวเราะ) จำได้วันแรกๆ ลองออกกำลังกายแค่พื้นฐานจะตายเอา หายใจไม่ทัน เราก็คิดว่าเราแข็งแรงนะ แต่พอเราไปเทสก็รู้ว่าไม่ไหว ตอนหลังผมก็เพิ่มวิ่งเข้ามา
ความนิยมกีฬาขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์ในประเทศไทยตอนนี้เป็นอย่างไร
เมื่อก่อนผมจัดการแข่งขันในนามของสโมสร The Horses เป็นหลัก จะมีม้าแข่งอยู่ประมาณ 70 ตัว แต่ตอนหลังพอคืนการจัดไปให้สมาคมขี่ม้าแห่งประเทศไทย ม้าแข่งเหลืออยู่ประมาณ 50 ตัว รุ่นใหญ่เหลือน้อยลง ไปกระจุกที่รุ่นเด็ก
อาจเพราะเป็นกีฬาที่ลงทุนสูง
ไม่ครับ เพราะถ้าเราไปเทียบกับม้าจัมพ์ ม้าจัมพ์แพงกว่าเราเป็น 100 เท่าเลยมั้ง เพราะม้าตัวหนึ่งของเขาขั้นต่ำตัวละ 3-5 ล้านบาท โดยที่ยังไม่ใช่ม้าท็อปนะ ถ้าเป็นม้าท็อปตัวละ 100 ล้านบาท ส่วนเอ็นดูแรนซ์ ถ้าซื้อจากนอกมาเลย เป็นม้าใหม่ๆ ยังไม่ได้เทรนด์ เฉลี่ยอยู่ที่ตัวละ 8 แสนบาท ไปถึง 1.2 ล้านบาทแล้วแต่สายพันธุ์
![]()
ขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์เริ่มเล่นได้ตั้งแต่อายุเท่าไร
ตอนนี้สมาคมกำหนดขั้นต่ำ 12 ปี เพราะว่าเมื่อก่อนขั้นต่ำ 10 ขวบแล้วไปเกิดอุบัติเหตุ เด็กบังคับม้าไม่ได้แล้วไปตกแขนหัก ไหปลาร้าหัก บางคนตัวยังเล็กเกินก็เลยกำหนดเพิ่มขึ้น ส่วนเล่นได้ถึงอายุเท่าไรไม่มีกำหนด ตอนนี้ผมน่าจะอายุมากสุดของการแข่งม้า ส่วนแข่งรถก็เกือบมากสุด ก็ยังทำทั้งสองอย่าง คือผมหยุดไม่ได้ อย่างที่บอกว่าผมเป็นคนชอบเล่นกีฬา ถ้าเราหยุดเมื่อไรสงสัยจะหงอย(หัวเราะ) แต่ตอนนี้ก็เพลาๆ เพราะอายุเริ่มเยอะ ปีหน้าก็เอาเท่าที่ร่างกายไหว
เห็นว่าเตรียมเปิดสโมสรสำหรับผู้สนใจกีฬาขี่ม้าอีกครั้ง
ผมเป็นสโมสรปิด ไม่ได้เปิดรับคนทั่วไป ต้องสกรีนนิดหน่อย เพราะเคยเปิดแล้วมันมีความวุ่นวาย เลยปิด เอาแค่คนที่สนใจกีฬาประเภทนี้จริงๆ แต่ตอนนี้พอเราจะเริ่มเปิดสโมสรก็มาคิดถึงเรื่องม้ากระโดด ซึ่งเราทำพื้นที่ไว้แล้ว และคนก็ถามว่าทำไว้แล้วทำไมไม่เปิดให้ใช้ หลายคนอยากมาแข่งตรงนี้ เพราะวิวเขาใหญ่สวยมาก ตอนนี้ก็เลยตัดสินใจทำคอกม้าเพิ่มอีกจุดตรงโรงจอดรถ และกำลังหาผู้จัดการคนดูแล ถ้าได้แล้วอาจจะเปิดให้คนอื่นเข้ามา หลายคนอยากมาฝากม้าที่นี่ แต่เรายังไม่พร้อม ยังไม่มีใครดูแลให้ เราต้องหากรูม(คนเลี้ยงม้า) แล้วกรูมดีๆ หายาก
![]()
![]()
เตรียมโชว์ The Horses Pony Jumping 2025
เราจะมีงานแข่งม้ากระโดดวันที่ 22-24 สิงหาคมนี้ งานเปิดให้เข้าชมฟรี แต่จะอยู่ในพื้นที่ที่เรากำหนด แข่งจริงๆ 2 วัน วันศุกร์เปิดซ้อม แข่งขันวันเสาร์อาทิตย์ เริ่มตั้งแต่เช้าจนถึงเย็น ผู้เข้าชมสามารถเพลิดเพลินดูแข่งม้า มีร้านของชุมชนในเขาใหญ่มาออกบูธด้วย ครั้งนี้เราจัดเฉพาะม้าเล็กก่อน ถ้าไม่มีปัญหาอะไร จะจัดแข่งม้าใหญ่อีกครั้งในเดือนตุลาคม
ส่วนปลายปีกำลังคิดว่าจะทำแคมป์ให้เด็กนักเรียนได้มาเรียนรู้กีฬาขี่ม้าเอ็นดูแรนซ์ ผมอยากจะมาฟื้นให้ความนิยมกลับมาใหม่ อยากให้เด็กรุ่นใหม่ๆ ได้เรียนรู้กีฬาประเภทนี้ในทิศทางที่ถูกต้อง ไม่ใช่เป็นแค่เรื่องธุรกิจ เท่าที่เห็นเด็กหลายคนไม่มีความรู้ความเข้าใจเรื่องของเบสิคเลย เราจะเน้นเบสิคให้ถูกต้อง ก่อนพัฒนาไปสู่การแข่งประเภทต่างๆ
การลงหลักปักฐานของสโมสร The Horses ไม่เพียงสนองต่อเป้าหมายของตัวเองเท่านั้น วันนี้ชายหนุ่มวัยใกล้ 70 ยังเต็มเปี่ยมไปด้วยพละกำลังที่จะสานฝันให้กับเยาวชน ใช้กีฬาเป็นเครื่องมือในการพัฒนาร่างกาย และจิตใจให้สมบูรณ์แข็งแรง เพื่อเป็นรากฐานที่สำคัญของสังคมคุณภาพที่ทุกคนฝันใฝ่
© 2025 Khaoyai Connect. สงวนลิขสิทธิ์
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือเผยแพร่เนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาต
![]()
