
ป่าสร้างชีวิต ครบรอบ 20 ปี มรดกโลก
สมบัติมนุษยชาติกับภารกิจคืนเสือสู่เขาใหญ่
ด้วยความอุดมสมบูรณ์ ความหลากหลายของพันธุ์พืชและสัตว์ป่าที่มีมาตั้งแต่อดีต ผืนป่าเขาใหญ่จึงเปรียบได้กับขุมทรัพย์อันเอนกอนันต์ที่ช่วยต่อลมหายใจของทุกสรรพชีวิตให้สืบทอดกันไปไม่สิ้นสุด เป็นมรดกจากบรรพกาลที่ประเมินค่าไม่ได้ และสิ่งเดียวที่คนรุ่นเราควรจะทำ และต้องทำคือการส่งต่อความสมบูรณ์นี้เป็นมรดกตกทอดให้กับคนรุ่นต่อๆ ไป
ด้วยเหตุนี้เขาใหญ่จึงได้รับการขึ้นทะเบียนให้เป็นมรดกโลกของยูเนสโกไปเมื่อ 20 ปีที่ผ่านมา ในวันที่ 14 กรกฎาคม 2548 โดยเขาใหญ่เป็นส่วนหนึ่งของมรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ หรือ World Heritage of Dong Phayayen-Khao Yai Forest Complex
1.
มรดกโลกคืออะไร?
มรดกโลก คือ พื้นที่ซึ่งอาจจะเป็นป่าไม้ ภูเขา ทะเลสาบ สิ่งก่อสร้างต่างๆ รวมไปถึงเมืองที่ได้รับการคัดเลือกจากยูเนสโก (UNESCO) ว่าเป็นสถานที่ที่มีความสำคัญ มีคุณค่าทางวัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ หรือด้านอื่นๆ ที่มนุษย์หรือธรรมชาติได้สร้างขึ้น
สำหรับมรดกโลกกลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ มีพื้นที่รวม 6,152 ตร.กม. ได้รับการบรรยายไว้ว่าเป็นถิ่นที่อยู่อาศัยของสัตว์ และพรรณพืชที่หายาก หรือที่ตกอยู่ในสภาวะสูญพันธุ์ มีระบบนิเวศอันเป็นแหล่งรวมความอุดมสมบูรณ์ของพืชและสัตว์ เป็นที่ตั้งของ 4 อุทยาน และ 1 เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่า ได้แก่ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อุทยานแห่งชาติทับลาน อุทยานแห่งชาติปางสีดา อุทยานแห่งชาติตาพระยา และเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าดงใหญ่ มีความหลากหลายตั้งแต่ป่าดิบชื้น ป่าดิบเขา ป่าดิบแล้ง ป่าเบญจพรรณ ป่าเต็งรัง ทุ่งหญ้า และป่ารุ่นสอง มีพืชพรรณมากกว่า 2,500 ชนิด หรือประมาณ 1 ใน 6 ของประเทศ โดยมีพืชถิ่นเดียว 16 ชนิด มีสัตว์ป่า 805 ชนิด
ในโอกาสที่ปีนี้ กลุ่มป่าดงพญาเย็น-เขาใหญ่ ครบรอบ 20 ปีของการเป็นมรดกโลก ทีมงาน Khaoyai Connect ชวนไปพูดคุยกับ “ชัยยา ห้วยหงส์ทอง” หัวหน้าอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ วัย 58 ปี ผู้พิทักษ์ป่าสุดเก๋า ประจำการอุทยานมากว่า 3 ปี ถึงเป้าหมาย และทิศทางการดูแลรักษาป่าในยุคปัจจุบัน
2.
อุทยาน และ 3 ภารกิจ
หัวหน้าชัยยาเริ่มต้นบทสนทนาด้วยการแจกแจงภารกิจของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ 3 ข้อ ได้แก่ 1.งานอนุรักษ์ 2.งานวิชาการ และ 3.งานนันทนาการและการท่องเที่ยว
“ผมเน้นการอนุรักษ์ก่อน เพราะถ้าเราไม่มีการอนุรักษ์ ทรัพยากรเราไม่มี คนก็จะไม่มาท่องเที่ยว”
ก่อนจะขยายความต่อว่า พื้นที่ของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีขนาดเป็นอันดับ 3 ของประเทศ คือ 1.35 ล้านไร่ แต่มีการบุกรุกน้อยมาก คือ ไม่ถึง 1 หมื่นไร่ ในขณะที่ที่อื่นๆ มีการบุกรุกกันนับแสนไร่ นั่นเพราะการตัดสินใจที่เด็ดขาดเรื่องการย้ายคนออกในยุคของจอมพลสฤษดิ์ ธนะรัชต์ ทำให้เขาใหญ่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ โดยด้านบนของอุทยานไม่มีการบุกรุกเลย มีเพียงด้านข้างเล็กน้อยเท่านั้น
“ยิ่งเราเป็นมรดกโลก เราต้องรักษามาตรฐาน ข้อดีของการเป็นพื้นที่มรดกโลกเหมือนเป็นเกราะคุ้มภัยให้เรา คือ เวลาจะมีการขออนุญาตทำอะไรในอุทยานก็ต้องผ่านคณะกรรมการมรดกโลกก่อน เช่น การสร้างอ่างเก็บน้ำอะไรแบบนี้ก็ต้องให้คณะกรรมการพิจารณาก่อน จะทำอะไรในเขตอุทยานก็จะมีความยากขึ้น อย่างการสร้างเขื่อนที่ต้องใช้พื้นที่ค่อนข้างเยอะ ก็จะต้องมีงานวิจัย ทำรายงาน EIA การวิเคราะห์ผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และดูว่าตรงนี้มีสัตว์อะไรอยู่ เพราะเวลามีเขื่อนไม่รู้ว่าสัตว์ป่าชนิดไหนหายไปบ้าง”
3.
อนุรักษ์แบบสมาร์ทๆ ด้วยระบบ Smart Patrol
ปัจจุบันทั่วทั้งผืนป่าเขาใหญ่ 1.35 ล้านไร่ มีเจ้าหน้าที่ประมาณ 200 คน แบ่งเป็นชุดลาดตระเวน 30 ชุด ดูแลทั้งหมด 8 เขตจัดการ แต่ละชุดจะมีการแต่งตั้งผู้ช่วยเป็นคนคุม โดยชุดลาดตระเวนจะต้องออกลาดตระเวนนอนค้างคืนในป่าเดือนละไม่น้อยกว่า 15 วัน
แม้ว่าสัดส่วนของเจ้าหน้าที่จะน้อยมากเมื่อเทียบกับความกว้างใหญ่ของผืนป่า แต่สำหรับยุคที่เทคโนโลยีล้ำสมัยก็ช่วยให้การทำงานเกิดประสิทธิภาพกว่าเดิมมาก ด้วยการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ (Smart Patrol) ซึ่งเป็นระบบการเดินลาดตระเวนในพื้นที่ป่าอนุรักษ์ด้วยการใช้เทคโนโลยีสารสนเทศภูมิศาสตร์ (GIS) ในการวางแผนการลาดตระเวน การเก็บข้อมูล วิเคราะห์ประมวลผลในมาตรฐานเดียวกัน และมีจุดมุ่งหมายให้ชุดลาดตระเวนเก็บข้อมูลจากการลาดตระเวนเชิงคุณภาพ เช่น การเก็บร่องรอยการลักลอบทำไม้ ล่าสัตว์ รวมถึงปัจจัยทางระบบนิเวศต่างๆ มาผสมผสานกับเทคโนโลยี เพื่อหยุดยั้ง ป้องกันการทำลายทรัพยากรป่าไม้และสัตว์ป่า
“แล้วเดี๋ยวนี้เราโกหกไม่ได้นะ การลาดตระเวนแบบสมาร์ท พาโทรล์ จะมีจีพีเอสใส่กระเป๋าไปด้วย เวลาลาดตระเวนเจอร่องรอยสัตว์ หรือร่องรอยการทำไม้ก็ให้จับพิกัดจดสถิติมา พอสิ้นเดือนก็ประชุมกัน สรุปงานในแต่ละเดือนว่าเจอภัยคุกคามอะไรบ้าง”
ลักไม้ป่าในรูปแบบนักท่องเที่ยว
ปัญหาหลักที่พบของอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั้น หัวหน้าชัยยาบอกว่า เป็นการลักไม้ 2 ชนิด คือ ไม้กฤษณา หรือไม้หอม กับไม้พะยูง
“สถานการณ์ตอนนี้พบว่าคนไทยเอาคนกัมพูชาเข้ามาในรูปของนักท่องเที่ยว บางทีเราจับได้ คือ นอนอยู่ในเต็นท์ เวลาลักไม้หอมเขาจะมาแซะทิ้งไว้ ถ้าไปดูจะเห็นว่าข้างหน้าสมบูรณ์แต่ข้างหลังแหว่งหมดเลย คือ ไม้หอมเมื่อเป็นแผลปุ๊บเขาจะสร้างยางขึ้นมาหุ้มแผล ส่วนนั้นแหละที่เอาไปสกัดเป็นน้ำหอม แล้วไม้หอมที่แอบไปแซะก็อยู่ไม่ไกลนะ หลังศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 600 เมตรนี่เอง ต้นที่โดนแซะไม่ตายแต่ไม่โต พอเราจับได้ ก็จะส่งรูปส่งรายชื่อให้ตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ตม.) ดูแลต่อ แต่ปรากฏว่า ตม.ให้กลับมาเหมือนเดิม แล้วมีพาสปอร์ตปั๊มมาด้วย ปัญหาคือเราไม่ได้รับความร่วมมือจากหน่วยงานภายนอกด้วย” หัวหน้ากล่าวพลางส่ายหน้า
ส่วนลักลอบตัดไม้พะยูง วิธีการคือจะมากันเป็นทีมแล้วใช้เลื่อยยนต์ตัดแล้วยกเลย ส่วนมากที่ตัดกันจะหน้ากว้าง 2 นิ้ว ยาว 2 เมตร พอเลื่อยแล้วก็ใช้ตะปูตอกร้อยเชือกแบกกันออกมา เข้าใจว่าเอาไปส่งจีนเอาไปแกะสลัก เพราะเป็นไม้มีค่าราคาสูง ซึ่งการลักลอบทำไม้นี้เจ้าหน้าที่จะใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยสอดส่องในการปราบปราม
ส่วนเรื่องสัตว์ป่าไม่ค่อยพบการล่า อาจเพราะสมัยนี้คนไม่นิยมกินเนื้อสัตว์ป่าแล้ว แต่ไม่ใช่ว่าสัตว์ป่าจะไม่มีปัญหา เพราะสถานการณ์ตอนนี้พบว่าประชากรเก้งกวางลดลงไปเรื่อยๆ จนน่ากังวล
4.
ขาดเสือ ขาดสมดุล
จากข้อมูลงานวิชาการที่ศึกษาวิจัยอย่างต่อเนื่อง ทำให้เรารู้สถานกาณณ์ว่าในเขตอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มีพันธุ์พืชอะไรบ้าง มีสัตว์อะไรบ้างจำนวนเท่าไร ตอนนี้สัตว์ชนิดไหนเหลือน้อยบ้าง
“ตอนนี้เขาใหญ่เราไม่มีเสือนะ เสือเราสูญพันธุ์ไปแล้ว พอไม่มีเสือ ทำให้กวางเก้งเราเหลือน้อยมาก เพราะว่าหมาในกินหมด จากเดิมหมาในเคยถูกเสือกิน แต่ตอนนี้ไม่มีเสือ หมาในก็รอดหมด ช้าง กระทิงก็รอดหมด เพราะขาดห่วงโซ่อาหารชั้นบนสุด แล้วตอนนี้หมาในมีไม่ต่ำกว่า 100 ตัว ก็ลองคิดดูพวกนี้มันกินทั้งวัน ฉะนั้นเวลาส่องสัตว์ตอนนี้จะเห็นเก้งกวางเหลือน้อยมาก”
“หมาในฉลาดและไว สามารถกินกระทิงยังได้ รุมกัดหน้ากัดหลัง เพราะเวลาล่าจะล่าเป็นฝูง กวางนี่ไม่มีทางรอด”
เมื่อถามว่าสถานการณ์นี้น่าห่วงหรือไม่ หัวหน้าชัยยาพยักหน้ายอมรับว่าน่ากังวลไม่น้อย บางคืนออกไปส่องสัตว์เจอกวางไม่เกิน 20 ตัว จากเมื่อก่อน 10 กว่าปีที่แล้ว คืนหนึ่งเจอกวางทีเป็นร้อยตัว อย่างที่ทุ่งเขาแหลมจากน้ำตกเหวสุวัตเดินไป 4 กิโลเมตร จากคำบอกเล่าว่าเมื่อก่อนกวางเต็มทุ่งเลย แต่เดี๋ยวนี้แทบไม่เห็นแล้ว
เราจะเห็นว่าสิ่งก่อสร้างอย่าง “คอริดอร์ – Corridor อุโมงค์ทับลาน” บนถนนหมายเลข 304 กบินทร์บุรี-ปักธงชัย จึงเป็นอีกความพยายามหนึ่งที่มุ่งหวังให้สัตว์ป่า รวมถึงเสือได้เดินทางกลับไปกลับมาได้
“เราก็พยายามให้เสือกลับข้ามคอริดอร์มาจากทับลาน แต่ปัญหาก็คือเขาบอกว่าเสือชอบอยู่ป่าโปร่ง ไม่ชอบอยู่ป่าทึบ แต่เขาใหญ่เป็นป่าทึบ แล้วถ้าข้ามคอริดอร์ปั๊บ แล้วดันมีลำธารกั้นอีก มันจึงไม่ง่ายที่เสือจะข้ามมา ประกอบกับฝั่งนู้นอาหารน่าจะอุดมสมบูรณ์ เขาก็เลยยังไม่อยากย้ายถิ่น และตอนนี้มันก็ยังไม่ข้ามมา สำรวจเจอรอยเท้าใกล้สุด คือ ห่างจากคอริดอร์ 1 กิโลเมตร”
หัวหน้าชัยยาบอกว่า เสือหายไปจากป่าเขาใหญ่นานนับ 20 ปีแล้ว อาจเป็นเพราะสมัยก่อนคนล่าสัตว์เยอะ แล้วคงล่าเสือด้วย ประกอบกับมีโรคระบาดหมูป่าตาย แล้วไม่รู้ว่าเสือไปกินซากหมูป่าหรือไม่
“เสือตัวสุดท้ายที่เราเจอ เราเจอเป็นซากอยู่ที่สนามกอล์ฟ คือถ้าเป็นการล่าเขาต้องเอาซากไป แต่นี่น่าจะตายเอง เพราะเจอซากตายแห้งอยู่ แต่เราไม่รู้ว่าตายเพราะอะไร”
เมื่อถามว่ามีความเป็นไปได้ว่าจะเอาเสือมาปล่อยหรือไม่?
“ไม่แน่ สุดท้ายถ้าไม่มีจริงๆ ก็ต้องทำอย่างนั้น ผมว่าเอามาปล่อย หรือให้เขามาเองก็ไม่ต่างกันหรอก เสือเขาอยู่ได้อยู่แล้ว เพราะเราไม่ได้เอาเสือเบงกอลมา เราต้องเอาเสือพื้นถิ่นมา เสือโคร่งดั้งเดิมของเรา บางคนถามว่าทำไมไม่เอาเสือในกรงเลี้ยงเยอะแยะ ก็มันคนละสายพันธุ์กัน มันเป็นสัตว์ต่างถิ่น คือ อุทยานทุกที่จะห้ามเอาทั้งพืชและสัตว์ต่างถิ่นที่ไม่ใช่พื้นถิ่นเดิมเข้ามาอยู่แล้ว เราก็เลยต้องรอเสือที่เป็นเสือธรรมชาติข้ามมาเอง หรือต้องจับยกมา ตอนนี้ทุกคนพยายามอยากให้เสือกลับมาเขาใหญ่ มารักษาสมดุล มากินหมาใน กินลูกช้าง ลูกกระทิงได้”
5.
นันทนาการเด่น 7 เส้นทางเดินป่ายอดฮิต
จากสถิติพบว่ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาที่อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จากปี 2566 มีนักท่องเที่ยว 1.4 ล้านคน เป็นต่างชาติ 5 หมื่นคน ปี 2567 นักท่องเที่ยว 1.88 ล้านคน ต่างชาติ 1 แสนคน โดยช่วงพีคของการท่องเที่ยว อยู่ในช่วงเดือนตุลาคม พฤศจิกายน ธันวาคม และมกราคม ส่วนวันที่นักท่องเที่ยวมากที่สุด คือ 2 หมื่นคน/วัน
“นักท่องเที่ยวต่างชาติที่มาเขาใหญ่นอกจากฝรั่ง เดี๋ยวนี้มีญี่ปุ่น จีน สิงคโปร์ ส่วนมากมาดูสัตว์ พวกนก ช้าง กับเดินเทรล”
หัวหน้าชัยยาบอกว่า เขาใหญ่มีแหล่งท่องเที่ยวหลายจุด มีน้ำตกเหวนรก น้ำตกเหวสุวัต ผาตรอมใจ ผาเดียวดาย จุดชมวิวต่างๆ และเส้นทางเดินป่า 7 เส้นทาง ทำให้แม้จะมีนักท่องเที่ยวมาก แต่เราสามารถกระจายคนได้ โดยมีจุดเก็บเงิน 6 จุด ได้แก่ ด่านเนินหอม ด่านศาลเจ้าพ่อ น้ำตกตะคร้อ แก่งหินเพลิง น้ำตกสาลิกา และน้ำตกโกรกอีดก
การเดินเทรลนี้กำลังได้รับความนิยมอย่างมากจากนักท่องเที่ยว มีทั้งหมด 7 เส้นทาง มีระยะทางตั้งแต่ 1.2-8 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที – 6 ชั่วโมง โดยทุกเส้นทางเป็นการเดินไปกลับ ไม่มีการพักค้างคืน กิจกรรมนี้สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวบนอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ หรือ เบอร์โทร 086-0926529 หรือ 081-0639241
เส้นทางที่ 1 “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำตกกองแก้ว” ระยะทาง 1.2 กิโลเมตร เส้นทางเดินทางเดียว วนกลับมาที่เดิม ใช้เวลาเดิน 45 นาที - 1 ชั่วโมง จุดนี้เป็นจุดที่มีระยะทางสั้นที่สุด จึงเหมาะกับทุกเพศทุกวัย ระหว่างเส้นทางจะได้พบไม้กฤษณาหรือไม้หอม จะมีสารที่ให้กลิ่นหอมจรุงใจเมื่อโดนไฟเผา และอาจได้พบสัตว์ป่า เช่น ชะนีมือขาว ชะนีมงกุฎ และนกต่างๆ
เส้นทางที่ 2 “น้ำตกผากล้วยไม้ – น้ำตกเหวสุวัต” ระยะทาง 3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดิน 2 ชั่วโมง เป็นเส้นทางเดินเชื่อมระหว่าง 2 น้ำตก ลัดเลาะไปตามลำห้วยลำตะคอง ผ่านป่าไม้สลับป่าดิบ-แล้งเป็นระยะ จะได้พบดอกไม้หินซึ่งเป็นพืชชนิดใหม่ของโลกที่จะโผล่พ้นน้ำมาให้เห็น รวมถึงหวายแดงที่จะผลิดอกเป็นช่อยาวสีแดงโดดเด่นบริเวณน้ำตกในช่วงเดือนเมษายน
เส้นทางที่ 3 “กม.33 – หนองผักชี” ระยะทาง 3.3 กิโลเมตร ใช้เวลาเดิน 2.5-3 ชั่วโมง เป็นเส้นทางที่จะได้สัมผัสความหลากหลายของประเภทป่าไม้ ได้แก่ ป่าดิบแล้งที่มีความสมบูรณ์ ป่ารุ่นสอง และทุ่งหญ้า มีต้นไม้ใหญ่ให้ร่มเงา เช่น ไทร หว้า มีต้นกะเพรายักษ์ที่เป็นไม้เฉพาะป่าดงพญาเย็นเท่านั้น เป็นเส้นทางหากินของช้าง กระทิง อาจพบร่องรอยสัตว์ตลอดเส้นทาง บางโอกาสอาจได้เห็นนกเงือกทำคู่ทำรังในโพรงไม้ หรือชะนีห้อยโหนเก็บผลลูกไม้กิน
เส้นทางที่ 4 “ดงติ้ว-อ่างเก็บน้ำสายศร” ระยะทาง 2.7 กิโลเมตร ระยะเวลา 1.5-2 ชั่วโมง เป็นเส้นทางเดินเดียวที่จะไปสู่อ่างเก็บน้ำสายศร จุดชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม ในฤดูฝนจะพบดอกไม้หลายชนิด เช่น หงส์เหิน บิโกเนีย และชาฤาษี ไฮไลท์ของเส้นทาง คือ ต้นสมพงยักษ์อายุหลายร้อยปี
เส้นทางที่ 5 “ดงติ้ว-หนองผักชี” ระยะทาง 5 กิโลเมตร ระยะเวลา 3 ชั่วโมง ไฮไลท์ยังคงเป็นต้นสมพงยักษ์อายุหลายร้อยปี และหน้าฝนจะได้เห็นเห็ดป่ารูปร่างสีสันต่างๆ เป็นเส้นทางแหล่งหากินของสัตว์ป่าหลายชนิด เช่น ช้าง หมี นกเงือก ชะนี
เส้นทางที่ 6 “ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว – น้ำตกเหวสุวัต” ระยะทาง 8 กิโลเมตร ระยะเวลา 6 ชั่วโมง เส้นทางนี้ถือเป็นบทเรียนธรรมชาติบทใหญ่ เพราะมีระยะทางค่อนข้างไกล สภาพป่าเป็นป่าดิบชื้นดิบแล้ง สลับกับป่าไผ่ มีพันธุ์ไม้มีค่าหลายชนิด เช่น พะยูง กฤษณาหรือไม้หอม ดงเฟิร์น และมีสัตว์ป่าชุกชุม เช่น ช้าง ชะนี หมีควาย นกเงือก
เส้นทางที่ 7 “200 ปี ความสัมพันธ์ไทย-สหรัฐอเมริกา” ระยะทาง 2 กิโลเมตร ระยะเวลา 1.5 ชั่วโมง เส้นทางนี้เป็นเส้นทางใหม่ล่าสุดของอุทยานเพื่อฉลองความสัมพันธ์อันยาวนานของสองประเทศ เป็นเส้นทางที่ใช้มาตรฐานของอุทยานแห่งชาติสหรัฐอเมริกาภายใต้โครงการอุทยานพี่อุทยานน้อง (Sister Parks Arrangement for Resources and Knowledge Sharing : SPARK) ระหว่างทางเดินจะพบความงามของระบบนิเวศป่าไม้นานาพรรณ เช่น ป่าดงดิบแล้ง ป่ารุ่นสอง และ ทุ่งหญ้ากว้าง ส่วนสัตว์ป่าที่พบบ่อยระหว่างทาง เช่น ไก่ฟ้าพญาลอ ไก่ฟ้าหลังขาว
โดยเส้นทางทั้ง 7 นี้นักท่องเที่ยวต้องติดต่อที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อน เพราะบางเส้นทางต้องใช้เจ้าหน้าที่ และบางเส้นทางไม่จำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่ก็ได้
6.
ความในใจคนทำงานป่าไม้
หัวหน้าชัยยามองว่า วันนี้กรมต้องมีเจ้าหน้าที่ส่วนหนึ่งเพื่อมาตรวจว่าแต่ละอุทยานต้องพัฒนาอะไรบ้าง อย่างอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สร้างถนนมาหลายปีไม่เคยปรับปรุงเลย โดยเฉพาะฝั่งเนินหอมถนนแย่มาก โดยที่เราก็ทำเองไม่ได้
อีกเรื่องสำคัญ คือ การทำประกันให้นักท่องเที่ยว เพราะหลายครั้งเมื่อเกิดเหตุ กรมไม่มีเงินชดใช้ อย่างเช่นกรณีนักท่องเที่ยวชาวฟิลิปปินส์ที่โดนหินถล่มขณะไปเที่ยวน้ำตกเหวนรก กรมต้องพิจารณาเรื่องการทำประกัน
เพราะปัจจุบันนี้ประกันเป็นทางเลือกตอนเข้าอุทยานที่ต้องเสียเพิ่มอีก 10 บาท แต่ก็เริ่มมีการพูดคุยกันแล้วว่าในอนาคตจะมีการใส่เงินประกันรวมในตั๋วเลย เพื่อให้เราทำงานสะดวกมากขึ้น
“ผมไม่กังวลเรื่องดูแลสัตว์ป่า ผมกังวลเรื่องสิ่งสาธารณูปโภคที่เริ่มชำรุดที่ผมซ่อมไม่ได้ อย่างบ้านพักหรือประปาผมซ่อมได้ แต่ปัญหาที่ผมซ่อมไม่ได้คือถนนที่มีความยาว 40 กิโลเมตร และคนสัญจรผ่านวันละ 7-8 พันคน ใครขับรถผ่านจะเห็นป้ายติดว่าหินร่วง คือตรงนั้นมันพร้อมจะถล่ม นั่นแหละที่ผมห่วง ถนนนี้เขาสร้างเสร็จแล้วมอบให้เรา ภายหลังเลยของบประมาณซ่อมแซมยาก แล้วงบมันมหาศาล อีกอย่างเรื่องต้นไม้ที่พร้อมจะล้ม เพราะต้นไม้เอนเข้าหาแสง กลัวจะล้มทับนักท่องเที่ยว เราก็แก้ปัญหาได้บางส่วน เช่น ต้นที่เป็นโพรง หรือที่เอนมากก็จะตัดทิ้ง แต่ถนนที่ยาวถึง 40 กิโลเมตรเราก็ดูแลไม่ไหว ก็ควรมีเรื่องการทำประกันเข้ามาช่วย”
7.
ฉลอง 20 ปี มรดกโลกยูเนสโก
ด้วยความสูงจากระดับน้ำทะเล 800 เมตร ความอุดมสมบูรณ์ และความหลากหลายทางชีวภาพ ทำให้เขาใหญ่มีความโดดเด่นอย่างมาก ดึงดูดให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาทั้งใช้ชีวิตและท่องเที่ยว ดังนั้นสำหรับเมืองปากช่องแล้วเขาใหญ่จึงเปรียบเป็นองค์ประธานของเมืองที่ทุกชีวิตต้องให้ความเคารพ
ในโอกาสที่เขาใหญ่ครบรอบ 20 ปีมรดกโลกยูเนสโกมีความพิเศษอย่างไรบ้าง หัวหน้าชัยยาบอกว่า โดยปกติอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่จะจัดทำบุญวันเกิดทุกวันที่ 18 กันยายนของทุกปีอยู่แล้ว แต่ปีนี้พิเศษเราอาจจะมีการจัดงานใหญ่ในเดือนครบรอบ 20 ปีมรดกโลกพร้อมกัน คือวันที่ 31 กรกฎาคม เป็นวัน Ranger Day หรือวันพิทักษ์ป่าโลก เราเคยมาจัดที่เขาใหญ่ครั้งหนึ่งแล้วเมื่อปี 2565 ก็คาดว่าปีนี้จะกลับมาจัดเขาใหญ่อีกครั้ง จะเป็นงานที่กรมต่างๆ ในกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม มาร่วมรำลึกถึงการพิทักษ์ป่าไม้ เป็นวันที่ให้ผู้พิทักษ์ป่าไม้เกิดความภาคภูมิใจ
เพราะมีป่าจึงมีชีวิต ครบรอบ 20 ปีมรดกโลก จึงเป็นการกระตุกเตือนให้เราตระหนักถึงความสำคัญของป่า ให้ช่วยกันรักษาผืนป่าอันอุดมสมบูรณ์อันเป็นมรดกที่เราเคยได้รับ แล้วส่งต่อยังลูกหลานเพื่อชีวิตที่ดีในอนาคตต่อไปอย่างไม่สิ้นสุด
© 2025 Khaoyai Connect. สงวนลิขสิทธิ์
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือเผยแพร่เนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาต