ปาร์ตี้ดูดาวท้องฟ้ามืดบนเขาใหญ่
ท่องเที่ยวแนวใหม่ สนุกมีสาระ ช่วย(โลก)ลดใช้พลังงาน
1
กระแสการท่องเที่ยวปาร์ตี้ดูดาว หรือการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์นั้นกำลังได้รับความนิยมในหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยการท่องเที่ยวแนวนี้เราต้องเข้าไปในเขต “Dark sky หรือ เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด” ที่สามารถมองเห็นดวงดาวได้อย่างชัดเจน
“Dark sky หรือ เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด” กำลังเป็นเรื่องที่ทั่วโลกให้ความสำคัญ เหตุเพราะว่ามลภาวะทางแสงที่หนักข้อขึ้นทุกวัน สร้างผลกระทบทั้งทางตรงและทางอ้อมต่อวงจรชีวิตสัตว์ และพืชหลายชนิด และยังเป็นอุปสรรคต่อการสังเกตวัตถุบนท้องฟ้าของนักดาราศาสตร์ด้วย ประเทศไทยเองก็หนีไม่พ้นต้องเผชิญกับวิกฤตพื้นที่ท้องฟ้ามืดที่กำลังหดหายไปทุกขณะ
![]()
ช่วงปี 2563 สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ได้ริเริ่มโครงการ “เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย” เพื่อส่งเสริมการสังเกตดวงดาว ลดมลภาวะทางแสง ลดการสิ้นเปลืองพลังงาน และสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงดาราศาสตร์ขึ้น โดยพื้นที่ที่จะเป็นเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดได้ต้องผ่านตามเกณฑ์ที่กำหนด
อาทิ ต้องมีพื้นที่โล่งไม่น้อยกว่า 100 ตารางเมตร, สังเกตการณ์ท้องฟ้าได้โดยรอบไม่น้อยกว่าร้อยละ 70 ของพื้นที่, บริหารจัดการปริมาณแสงสว่างอย่างมีประสิทธิภาพใน 3 ปัจจัย ได้แก่ ทิศทางแสง อุณหภูมิแสงสว่าง การควบคุมเวลาเปิด-ปิด, ปราศจากแสงรบกวน ค่าความมืดท้องฟ้ามีค่าไม่น้อยกว่า 19 แมกนิจูด/ตารางฟิลิปดา, สามารถสังเกตเห็นดาวเหนือได้ และสังเกตเห็นดาวฤกษ์ที่สว่างน้อยที่สุด หรือวัตถุท้องฟ้าเด่นๆ ได้ด้วยตาเปล่าอย่างชัดเจน และต้องมีผู้ให้บริการความรู้พื้นฐานทางดาราศาสตร์ และมีสิ่งอำนวยความสะดวกแก่ผู้มาใช้บริการอย่างครบถ้วน อาทิ เส้นทางคมนาคม ห้องน้ำ ที่พัก ร้านอาหาร จุดบริการไฟฟ้า เป็นต้น
ปัจจุบันเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในประเทศไทย ได้รับการขึ้นทะเบียนแล้วประมาณ 30 แห่ง แยกเป็น 4 ประเภท ได้แก่ อุทยานท้องฟ้ามืด, ชุมชนอนุรักษ์ท้องฟ้ามืด, เขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ส่วนบุคคล และเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดในพื้นที่ชานเมือง โดยพื้นที่ที่ได้รับการขึ้นทะเบียนนั้น สามารถจัดบริการการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ กิจกรรมดาราศาสตร์ และการให้ความรู้ด้านการอนุรักษ์ท้องฟ้าได้ เพื่อเป็นการกระตุ้นการท่องเที่ยว เกิดการจ้างงาน และ เพิ่มรายได้ให้กับชุมชน
![]()
2
จัดปีละ 1 ครั้ง มหกรรมดูดาวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
ในค่ำคืนแรกของเดือนมีนาคมที่ผ่านมา สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ร่วมกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ สมาคมท่องเที่ยวเขาใหญ่ ชมรมดาราศาสตร์ปากช่อง และการท่องเที่ยวแห่งประเทศจัด “งานมหกรรมท่องเที่ยวดูดาวประจำปี Dark sky star party 2025” ที่ลานกางเต็นท์จุดชมวิวเขาร่ม อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่
“อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่” เป็นอีก 1 อุทยานที่ได้ขึ้นทะเบียนอุทยานท้องฟ้ามืดเมื่อปี 2567 มีความมืดในระดับที่ยังไม่ได้ตรวจวัดกันแน่ชัด แต่คาดว่าน่าจะอยู่ระดับ 3-4 (จัดลำดับความมืดที่สุดจาก 1-10) ถือเป็นความมืดที่สามารถมองเห็นทางช้างเผือกด้วยตาเปล่า
![]()
ถึงวันนัดหมาย ฝนโปรยปรายแต่เช้าตรู่ มาเริ่มซาเอาตอน 5 โมงเย็น สร้างความกังวลให้คนอยากดูดาวอยู่ไม่น้อย แต่พอตกค่ำฟ้าเปิดก็เริ่มใจชื้น ดวงดาวจุดเล็กจุดน้อยเริ่มปรากฏสว่างบนท้องฟ้า แม้อาจมีเมฆบังสลับเป็นบางช่วงแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคสักเท่าไร
ภาพของงานปาร์ตี้ตรงหน้า เป็นบรรยากาศที่ค่อนข้างแปลกใหม่ ขวักไขว่ไปด้วยผู้คนที่หลงใหลเรื่องของวัตถุบนท้องฟ้าเหมือนๆ กัน หลังดวงอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขา ความมืดค่อยๆ คืบคลานเข้าห่อคลุม ยามนี้จะเหลือเพียงแสงไฟสีแดงส่องเรืองขีดเป็นเส้นวงกลมแสดงขอบเขตลานดูดาวขนาดใหญ่เส้นผ่านศูนย์กลาง 60 เมตร เป็นแสงสีที่ได้รับการรับรองว่าไม่รบกวนสายตาขณะดูดาว ด้านกำลังไฟก็ส่องพอให้เห็นทางเดินและผู้คนที่มาร่วมงาน
![]()
เพ่งมองเข้าไปในลานก็ต้องตื่นตากับกองทัพกล้องโทรทรรศน์ กะด้วยสายตาไม่น่าต่ำกว่าครึ่งร้อย ทั้งจาก NARIT โรงเรียนเครือข่ายดาราศาสตร์ ชมรมดาราศาสตร์ และนักดาราศาสตร์สมัครเล่น โดยกล้องแต่ละตัวมีเด็กและผู้ใหญ่ให้ความสนใจต่อคิวดูดาวกันอย่างคึกคัก
ในคืนนั้น เราได้ส่องชมวัตถุท้องฟ้าหลายชนิด ไม่ว่าจะเป็นดวงจันทร์เสี้ยว ข้างขึ้น 1 ค่ำ ดาวพฤหัสบดี ดาวอังคาร ดาวศุกร์ รวมถึงวัตถุในห้วงอวกาศลึก อาทิ เนบิวลาใหญ่ในกลุ่มดาวนายพราน กระจุกดาวรวงผึ้ง กระจุกกาแล็กซีบริเวณกลุ่มดาวสิงโต (M65, M66 และ NGC 3628) รวมถึงกาแล็กซีโบดสและซิการ์ ในกลุ่มดาวหมีใหญ่ (M81 และ M82)
นอกเขตเส้นไฟสีแดง เรียงรายไปด้วยเต็นท์นับร้อยๆ หลังของแขกที่มาปาร์ตี้ดูดาว บางคนก็กางเก้าอี้หน้าเต็นท์นั่งพูดคุยกันชิลๆ บ้างก็เข้าไปเอนกายพักผ่อน เตรียมตื่นมาดูทางช้างเผือกตอนเช้ามืดตามนัดหมาย
![]()
ขยับออกไปอีกนิด มีบูทจัดกิจกรรมที่น่าสนใจ ตั้งแต่ การจัดสวนดาวเคราะห์เรืองแสง Glow in the Dark ธีม Stars & Planets ป่าเรืองแสงสุดอลังการ การวาดภาพด้วยแสง การทำ Stellar Light Box ประดิษฐ์กล่องกลุ่มดาวเรืองแสงเป็นที่ระลึก และกิจกรรมการส่องกล้องสองตาที่สามารถเห็นกลุ่มดาวได้ชัดสวยงาม สร้างความประทับให้กับผู้มาเที่ยวชมดาวเป็นอย่างมาก
![]()
![]()
![]()
![]()
3
ดาราศาสตร์ส่งเสริมกระบวนการคิด เรียนรู้เรื่องการบูรณาการ
ค่ำคืนนั้นได้มีโอกาสพูดคุยกับ “คุณแจ็ค-ศุภฤกษ์ คฤหานนท์” ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) ภายหลังที่คุณแจ็คเสร็จสิ้นภารกิจจากการบรรยายเรื่องกลุ่มดาวที่ปรากฏบนท้องฟ้าที่ให้ความรู้ รอยยิ้ม และเสียงหัวเราะกับคนที่มาดูดาวในคืนนั้นเกี่ยวกับงานในครั้งนี้
ผู้อำนวยการศูนย์บริการวิชาการและสื่อสารทางดาราศาสตร์ ในวัย 43 ปี เล่าว่า ทุกครั้งที่จัดงานดาร์กสกายสตาร์ปาร์ตี้ จะมีการบรรยายทุกครั้ง เป็นการให้บริการประชาชน และให้ความรู้พื้นฐานเกี่ยวกับหลักการการดูดาวเบื้องต้น และเป็นการส่งเสริมการสร้างแรงบันดาลใจให้กับเด็กๆ และเยาวชน ที่เริ่มจากการใช้กิจกรรมด้านดาราศาสตร์ ให้เขาเห็นว่าบนท้องฟ้ามีอะไรที่น่าสนใจ และเมื่อเขาสามารถใช้อุปกรณ์หรือเทคโนโลยีต่างๆ ที่เขาจะหาคำตอบต่างๆ ได้ก็เป็นกระบวนการหนึ่งให้เขาได้มีกระบวนการคิดแบบวิทยาศาสตร์มากขึ้น
![]()
“บางครั้งเราจะสอดแทรกเนื้อหา ความตลกขบขันเข้าไป อาจจะมีนิทาน มีมุข ก็จะเป็นเรื่องของวิธีการที่จะดึงให้คนเข้ามาสนใจ อย่างเรื่องทักษะการรู้เวลา ถ้าเราต้องการรู้เวลา เราจะสอนให้เด็กๆ รู้จักวัดระยะเชิงมุมบนท้องฟ้าว่าดาวแต่ละดวงห่างกันกี่องศา ทีนี้ในแต่ละองศาเราสามารถนำกลับไปคำนวณย้อนหาเวลาได้ คือ โลกเราหมุนเป็นวงกลม 1 รอบ คือ 24 ชั่วโมง ก็คือ 360 องศา เอา 360 องศาหารกับ 24 ชั่วโมง เท่ากับ 1 ชั่วโมงจะเห็นดาวเปลี่ยนตำแหน่งไป 15 องศา ดังนั้นถ้าดาวเปลี่ยนตำแหน่งจากจุดเดิม และเปลี่ยนตำแหน่งจากการวัดระยะเชิงมุมไป 15 องศา นั่นหมายถึงว่าเวลาผ่านมาแล้ว 1 ชั่วโมง ถ้า 30 องศา ก็ 2 ชั่วโมง ก็บวกไปเรื่อยๆ เป็นคณิตศาสตร์อย่างง่ายที่จะเอาวิชาคณิตศาสตร์ในห้องเรียนมาบูรณาการกับการใช้การดูดาวในชีวิตประจำวันได้ด้วย
![]()
อย่างทักษะนักดูดาวในอดีต เขารู้ทิศรู้วันเดือนปีได้อย่างไร ทั้งที่เขาไม่มีเข็มทิศ ไม่มีนาฬิกา ไม่มีปฏิทิน เพราะเขาอาศัยการสังเกตการณ์จากวัตถุท้องฟ้า ก็คือ ดวงดาว ยกตัวอย่าง 1 วัน เขาดูจากการขึ้นตกของดวงอาทิตย์ ขึ้นแล้วก็ตกแล้วขึ้นใหม่อีกรอบก็คือ 1 วัน ส่วน 1 เดือนเขาก็ดูจากการเปลี่ยนแปลงของเฟด หรือเสี้ยวดวงจันทร์ ใช้เวลาตั้งแต่ข้างขึ้นจนเต็มดวง 15 วัน จากนั้นก็เป็นแรมไป กินเวลาไป 30 วัน ก็คือ 1 เดือน ส่วน 1 ปี เขาก็ดูจากกลุ่มดาว 12 ราศี ที่ดวงอาทิตย์มันเคลื่อนที่ผ่าน คือ ดวงอาทิตย์ไปอยู่ในกลุ่มดาวไหนก็จะตรงกับช่วงเดือนนั้น วิธีดูว่าดวงอาทิตย์อยู่ในกลุ่มดาวไหนให้สังเกตเวลาที่พระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้าไปแล้ว ให้ดูว่ากลุ่มดาวแรกที่เราเห็น คือ กลุ่มดาวอะไร ฉะนั้นกลุ่มดาวที่อยู่ด้านหน้าก็จะเป็นกลุ่มดาวที่ตรงกับดวงอาทิตย์ ก็คือเดือนนั้นนั่นเอง เช่น ถ้าดวงอาทิตย์ตกไปแล้ว กลุ่มดาวแรกที่เราเห็น คือ กลุ่มราศีเมษ ดังนั้นด้านหน้าก็ต้องเป็นมีน แสดงว่าตอนนี้เราอยู่ในเดือนมีนาคม ทีนี้ดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนตำแหน่งไปเรื่อยๆ วันละ 1 องศา ดังนั้น 1 กลุ่มดาวจะกินพื้นที่ 30 องศา โดยดวงอาทิตย์จะเปลี่ยนตำแหน่งผ่านกลุ่มดาววันละ 1 องศาไปเรื่อยๆ”
![]()
ในวันที่พื้นที่มืดบนท้องฟ้าเหลือน้อยลงทุกขณะ แต่ความสนใจของเด็กๆ กลับเพิ่มมากขึ้น จากการจัดงานดูดาวมาหลายครั้ง สถาบัน NARIT พบว่าเด็กๆ ให้ความสนใจกันมาก
“เดี๋ยวนี้ต้องบอกว่าเด็กๆ เริ่มสนใจเกี่ยวกับเรื่องดวงดาว เริ่มจากเรียนรู้ท้องฟ้ามุมกว้างก่อนว่าในท้องฟ้าประกอบไปด้วยดาวเคราะห์ ดาวฤกษ์ กลุ่มดาวอย่างไร และตำแหน่งไหนมีวัตถุอะไรที่น่าสนใจบ้าง เมื่อเขาเห็นด้วยตาเปล่าที่เป็นจุดเล็กๆ บนท้องฟ้าแล้ว การที่เราส่องเจาะเข้าไปด้วยกล้องโทรทรรศน์ที่เห็นรายละเอียดต่างๆ ก็จะเพิ่มความตื่นตาตื่นใจ และเห็นรายละเอียดต่างๆ ได้ดีขึ้น เช่น ผิวขรุขระบนดวงจันทร์ พายุบนดาวพฤหัสบดี เห็นวงแหวนดาวเสาร์ เห็นขั้วน้ำแข็งของดาวอังคาร ได้เห็นว่าบางดวงมีวงแหวน หรือดาวฤกษ์ที่มีสีส้ม สีเหลือง สีฟ้า ซึ่งบอกถึงอุณหภูมิของดาวฤกษ์เหล่านั้นได้ ทำให้เด็กเกิดความสนใจมากขึ้น เกิดแรงบันดาลใจที่อยากจะเรียนรู้กระบวนการทางวิทยาศาสตร์ด้วยการใช้วิชาดาราศาสตร์เป็นสื่อกลาง คือ ต้องบอกว่าดาราศาสตร์เป็นวิทยาศาสตร์พื้นฐานแรกๆ ของการเรียนรู้วิทยาศาสตร์ ซึ่งเป็นการบูรณาการด้วยหลักการทางวิทยาศาสตร์ก็ดี ทางคณิตศาสตร์ก็ดี เข้ามารวมกัน”
![]()
คุณแจ็คยกตัวอย่างให้เห็นภาพเรื่องของปรากฎการณ์ทางดาราศาสตร์ที่นำมาสู่กระบวนการทางความคิด เช่น เมื่อเกิดแสงไฟอันหนึ่งที่เราเรียกว่าผีพุ่งใต้หรือดาวตก ในอดีตเวลาคนเห็นแสงพวกนี้บนท้องฟ้าเขาจะคิดไปก่อนว่าเป็นจานบิน หรืออาจจะมีเรื่องไม่ดี แต่เมื่อเราให้องค์ความรู้ในทางดาราศาสตร์ว่าเกิดจากวัตถุหนึ่งที่เข้ามาในระบบสุริยะ แล้วโลกเราไปตัดผ่านมีแรงดึงดูด ดูดวัตถุเหล่านี้เข้ามา เกิดการเสียดสีในอากาศ ทำให้เกิดปรากฏการณ์เหล่านี้ขึ้นมา ดังนั้นเมื่อเห็นแสงวาบบนท้องฟ้า เขาก็จะไม่คิดว่าเป็นจานบิน เขาจะคิดว่าถ้าไม่ใช่ดาวตก ก็อาจจะเป็นขยะอวกาศที่เสียดสีกับชั้นบรรยากาศบนท้องฟ้าแล้วลุกไหม้ เป็นต้น
4
การท่องเที่ยวแนวใหม่ กระจายรายได้สู่ชุมชน
คุณแจ็คบอกว่า สิ่งที่เกิดขึ้นนอกจากอนุรักษ์พลังงาน ลดผลกระทบระบบนิเวศแล้ว ยังส่งเสริมเรื่องการสร้างมูลค่าของพื้นที่ด้วย นั่นคือการสร้างรายได้ให้กับชุมชนด้วย เพราะมันเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยว อย่างการจัดมหกรรมดูดาวที่อุทยานแห่งชาติที่ผาแต้ม เราตรวจสอบจากจำนวนของผู้ที่มาใช้บริการพื้นที่และยอดของค่าใช้จ่ายในพื้นที่ ใน 1 วันที่เราจัดกิจกรรม ได้รับข้อมูลจากจังหวัดว่าเพียงคืนเดียวมีเงินหมุนเวียนในพื้นที่ 3 ล้านบาท สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ ได้สะท้อนให้เห็นถึงการท่องเที่ยวในรูปแบบที่มีการมาพักค้างอ้างแรมว่าจะเกิดการใช้จ่าย ไม่ว่าจะเป็นเรื่องที่พัก อาหาร เครื่องดื่มต่างๆ จะเกิดรายได้ลงสู่ชุมชน แล้วชุมชนยังสามารถเอาผลิตภัณฑ์ของชุมชนมาวางขายได้ เป็นการสร้างรายได้ให้ชุมชนด้วย
![]()
สำหรับช่วงเวลาที่เหมาะสมต่อการท่องเที่ยวดูดาว คุณแจ็คบอกว่า เป็นช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายนไปถึงปลายเดือนมีนาคม ถือเป็น 5 เดือนที่เป็นไฮซีซั่นของเทศกาลการชมดาวในประเทศไทย ส่วนถ้าหลังช่วงมีนาคมไป ตามที่เราเก็บสถิติมักจะเจอสภาพอากาศที่ไม่เอื้ออำนวยต่อการดูดาว เช่น พายุฤดูร้อน หรือฝุ่นละอองต่างๆ ที่เกิดจากการเผา หรืออากาศที่ร้อนจนหน้าดินเปิดขึ้น ทำให้มี pm 2.5 ปรากฏขึ้นเยอะ แล้วยิ่งเป็นช่วงที่อากาศร้อนอบอ้าวก็จะทำให้การดูดาวไม่สนุกเท่าไร ฉะนั้นอากาศก็ควรจะเย็นสบาย ท้องฟ้าโปร่งใสเคลียร์ อากาศไม่เป็นมลพิษ
5
เขาใหญ่-มหกรรมดูดาวครั้งยิ่งใหญ่สุดของไทย
อนันต์พล สุดทรัพย์ อายุ 38 ปี หัวหน้าหอดูดาวภูมิภาค นครราชสีมา สถาบันวิจัยดาราศาสตร์แห่งชาติ (NARIT) กล่าวถึงความสำเร็จในการจัดในครั้งนี้ว่า งานนี้จัดเป็นครั้งที่ 3 แล้ว โดย 2 ครั้งแรกจัดที่ผาแต้ม จ.อุบลราชธานี มาปีนี้หอดูดาวโคราชครบรอบ 10 ปี ไปเมื่อเดือนพฤศจิกายนปี 2567 เลยได้ข้อสรุปว่าเป็นเขาใหญ่ ซึ่งมีความพร้อม เรามีสมาคมการท่องเที่ยวเขาใหญ่เป็นแม่งาน เรามีชมรมดาราศาสตร์ปากช่อง เป็นชมรมเอกชนที่มีกล้องดูดาวระดับสามารถสอนคนทั่วไปได้ เรามีบุคลากร เรามีศักยภาพหลายๆ อย่าง ซึ่งงานนี้คนลงทะเบียนออนไลน์มา 1,600 คน แต่อุทยานแจ้งว่ามีผู้ประสงค์กางเต็นท์ 2 พันหลัง รวมทุกลาน ลานลำตะคอง ลานผากล้วยไม้ก็จะขับรถมาดูแล้วกลับไปนอน เราบอกว่านี่คือมหกรรมดูดาวครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย
![]()
“ความสนุกในการดูดาว ก็คือความสนุกในการหาดวงดาว อย่างช่วงเย็นตั้งแต่ดวงอาทิตย์ยังไม่ทันตก มีคนตะโกนมาว่าเห็นดาวศุกร์แล้ว ทุกคนก็จะ ห๊า เห็นแล้วเหรอ ก็จะรีบหากัน คือ มันมีความสุขหลายแบบ คำว่าสตาร์ปาร์ตี้ หลายคนอาจจะนึกว่าต้องมีดนตรีใช่มั้ย ต้องมีเสียงดังหรือเปล่า ไม่เลย ก็แบบนี้ อยู่กันเงียบๆ อยู่กับกล้องดูดาว คนที่มีกล้องดูดาว จะเอากล้องมาวาง อารมณ์เหมือนมามีตติ้ง ต้องบอกว่าสตาร์ปาร์ตี้เป็นการท่องเที่ยวอีกรูปแบบหนึ่งที่ต่างประเทศเขามีกันประจำ ปีละครั้งสองครั้ง จัดงานทีกล้องเป็นร้อยตัวกันเลย”
![]()
ต่อคำถามว่าการดูดวงดาวจะนำเราไปสู่อะไรบ้าง อนันต์พล บอกว่า เราใช้ดาราศาสตร์เป็นพื้นฐานในการที่เราจะให้ความสนใจด้านวิทยาศาสตร์ คือ ความเป็นเหตุเป็นผล พอเราใส่ความเป็นเหตุเป็นผลทางวิทยาศาสตร์ไป เด็กก็จะเริ่มมีกระบวนการทางความคิด
“เราไม่ได้ต้องการให้เด็กทุกคนที่มาดูดาวเป็นนักดาราศาสตร์ หรือเป็นนักวิทยาศาสตร์ แต่เราต้องการให้เด็กมีชุดความคิดทางด้านวิทยาศาสตร์ ไม่ใช่เอะอะก็มะนาวโซดารักษามะเร็ง แชร์กันไป อย่างรุ่นแม่ก็ยังแชร์กันอยู่ แต่เด็กรุ่นนี้ไม่ใช่แล้ว คือ เราสร้างสังคมที่เป็นเหตุเป็นผลมากขึ้น”
6
ดาราศาสตร์ จุดเริ่มต้นของทักษะด้านต่างๆ
“ชริน อำไธสง” อายุ 48 ปี ครูวิชาดาราศาสตร์ โรงเรียนประทาย จ.นครราชสีมา เป็นครูที่ปรึกษาชมรมดาราศาสตร์ ที่ก่อตั้งมา 11 ปีแล้ว มีศักยภาพในการจัดงานดูดาวให้กับโรงเรียนใน จ.นครราชสีมาและอื่นๆ หลายแห่ง อาทิ ร้อยเอ็ด สระแก้ว เป็นต้น บอกว่า เราตั้งเป็นชมรมนอกเวลาเรียน เป็นความสมัครใจ 100% ไม่มีการประเมินผลในการเรียน ทุกคนสมัครมาด้วยความเต็มใจ แต่เราก็ต้องคัดเลือกด้วย เพราะถ้ามากเกินไป จะไม่สามารถดูแลเด็กได้ทั่วถึง
![]()
“การมากิจกรรมดาราศาสตร์เรื่องความรู้ดาราศาสตร์ก็ส่วนหนึ่ง แต่เป้าหมายเราไม่ได้มุ่งหวังว่าเด็กจะต้องเป็นนักดาราศาสตร์ แต่กิจกรรมที่ทำจะไปเพิ่มทักษะต่างๆ อย่างเวลาที่ชมรมเราไปจัดค่ายให้โรงเรียนอื่น เด็กๆ เขาก็ต้องฝึกเป็นวิทยากร นอกจากได้ความรู้ ก็จะได้ทักษะสื่อสาร ความเป็นผู้นำ การทำงานร่วมกับผู้อื่น เขาจะได้ทักษะมากกว่า เราไม่เน้นว่าทุกคนต้องเก่งดาราศาสตร์ แต่มันก็เป็นส่วนหนึ่งที่เขาได้ความรู้ ส่วนทักษะต่างๆ ที่ตามมาก็จะได้ประโยชน์เยอะ แล้วการมีเครือข่ายกับโรงเรียนอื่นๆ ทำให้เด็กๆ เกิดทักษะหลากหลาย ได้มีการแลกเปลี่ยน”
![]()
“กฤษฎากร เซ่นพิมาย” อายุ 16 ปี ชั้น ม.4 ชมรมดาราศาสตร์ โรงเรียนประทาย จ.นครราชสีมา หนุ่มน้อยผู้หลงใหลการดูดาวในทันทีที่ได้มาร่วมกิจกรรมกับค่ายดาราศาสตร์ของโรงเรียน
“เริ่มจากที่โรงเรียนมีจัดค่าย พอไปแล้วก็ชอบ เพราะว่าดวงดาวเป็นเรื่องที่เราเห็นได้ประจำวัน แต่เราไม่สังเกต พอมาเห็นจริงๆ รู้สึกว่ามันสวย ก็เลยชอบ ตอนนี้เริ่มมีความรู้เรื่องกล้องโทรทรรศน์ บางตัวก็ประกอบเป็น ตั้งเป็น หาดาวคร่าวๆ ได้ ถ้าถามถึงกลุ่มดาวที่ชอบเป็นพิเศษ ผมชอบกลุ่มดาวนายพราน เพราะนายพรานมีของดี(ยิ้ม) ก็อยากชวนเพื่อนๆ ให้มาดูดาว เพราะดาวบอกได้หลายอย่าง สมมติว่าหลงป่าก็จะมีดาวที่จะบอกว่าทิศอะไร ทิศเหนือก็สังเกตกลุ่มดาวหมีเล็กกับหมีใหญ่ คือ ถ้าเรารู้ทิศเหนือก็จะรู้ทิศอื่นๆ ด้วย แต่ถ้าโชคร้ายเมฆบังก็จะมองไม่เห็นนะครับ (ยิ้ม)”
ใครยังไม่เคยลองกิจกรรมดูดาว แนะนำว่าลองหาโอกาสท่องเที่ยวเขตอนุรักษ์ท้องฟ้ามืดดู แล้วจะพบว่าการท่องเที่ยวแนวนี้ให้ประสบการณ์หลากหลาย ทั้งสนุกและมีสาระ เป็นการท่องเที่ยวแบบที่กลับบ้านไปแล้วจะรู้สึกอิ่มเอมใจเป็นที่สุด
![]()
![]()
© 2025 Khaoyai Connect. สงวนลิขสิทธิ์
ห้ามคัดลอก ดัดแปลง หรือเผยแพร่เนื้อหาทั้งหมดหรือบางส่วนโดยไม่ได้รับอนุญาต
![]()
